วงการม้าแข่งในไทยจากเริ่ม จนถึงจุดจบ
หากคุณเป็นหนึ่งในคนยุค 60-2000 แน่นอนว่าคุณจะต้องรู้จักกับกีฬาม้าแข่ง ที่มีการจัดการแข่งขันกันอย่างเป็นทางการมากมาย และมีการเดิมพันอย่างถูกกฎหมายในสนามแข่งอีกด้วย สนามม้ายอดนิยมคือสนามม้านางเลิ้งคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะนอกจากจะอยู่ใจกลางเมืองหลวงในกรุงเทพ เชื่อว่าอาจมีอีกหลายคน อยากเข้าไปสัมผัสเพื่อลุ้นที่เป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา
ในช่วง 10 ปีหลัง กีฬาแข่งม้าในไทย ก็เริ่มได้รับความนิยมน้อยลงไปเรื่อยๆ อาจจะเพราะเนื่องจากเทคโนโลยีได้มีการออกแบบมาให้เราเข้าถึงกีฬาต่างๆ ผ่านระบบอนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย กีฬาม้าแข่งในไทยเป็นกีฬาที่สามารถเดิมพันได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ไม่อนุญาติให้เดิมพันผ่านระบบออนไลน์เหมือนในต่างประเทศ คุณสามารถเดิมพันได้เฉพาะที่สนามม้าแข่งเท่านั้น
ปัจจุกีฬาการแข่งม้าในไทยได้ถูกยกเลิก สนามม้าบางแห่งปิดตัวลง บ้างก็เป็นที่เลี้ยงม้า เพื่อใช้ในการแข่งประเภทอื่น หรือเลี้ยงเพื่อไปแข่งในต่างประเทศ และด้วยการเลี้ยงม้านั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงจึงเป็นที่นิยมน้อยมากในไทย ส่วนสนามม้าที่ยังคงกิจการอยู่หนึ่งในนั้นคือ สนามม้าหนองฮ้อ มทบ. เชียงใหม่ เพราะมีรายได้จากสนามกลอฟ์มาเฉลี่ยร่วมอยู่ด้วย
สนามม้าหนองฮ้อ อีกหนึ่งตำนานของคนเชียงใหม่
หากจะกล่าวถึงการพนันม้าแข่งในประเทศไทยก็คงไม่มีใครไม่รู้จักนางเลิ้ง แต่ถ้าจะกล่าวถึงสนามม้าในภาคเหนือก็ต้อง หนองฮ้อ มทบ.33 สนามม้าในเชียงใหม่ที่ไม่ได้เป็นแค่สนามม้า ซึ่งเป็นเสมือนสถานที่ท่องเที่ยวเพราะมีสนามกอล์ฟ ติดกับสวนหลวง ร.9 และยังอยู่ใกล้สนามบินในตัวเมืองเชียงใหม่ สนามม้าแห่งนี้เคยเป็นที่นิยมในการเล่นม้าแข่ง มีทั้งร้านอาหารและกิจกรรมอื่นมากมายคอยให้บริการแก่ผู้ที่มาเยี่ยมชมและท่องเที่ยว อีกทั้งที่นี่เป็นหนึ่งในสนามที่บริหารจัดการโดยกลุ่มนายทหาร มทบ.33 โดยมีรายชื่อดังนี้
- พลตรีสืบสกุล บัวระวงศ์ ประธานกรรมการอำนวยการ
- พันเอก อโณทัย ชัยมงคล รองประธานกรรมการอำนวยการ
- พันเอกกิดากร จันทรารองประธานกรรมการอำนวยการ
- พันเอก ธีระ ผดุงสุนทร กรรมการอำนวยการและเลขานุการ
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ากรรมการบริหารล้วนเป็นข้าราชการทหารทั้งหมด ส่วนสนามม้าที่อื่นนั้นได้ถูกบริหารโดยบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ หลังจากที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานต้อนรับคนในภาคเหนือและนักท่องเที่ยว สนามม้าหนองฮ้อก็ไม่สามารถสู้กับสถาณการณ์โควิด19ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ จึงทำให้สนามม้าหนองฮ้อที่เปิดมา 30 กว่าปีต้องปิดตัวลงในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2020 แต่ก็ยังคงมีสนามกลอฟ์ ลานนา และ สถานพักฟื้นและพักผ่อน ลานนา กรีนเลครีสอร์ท ที่ยังได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้คนเชียงใหม่และยังได้ใช้ประโยชน์อยู่
หรือ "ม้าแข่งแบบไร้พนัน" จะกลับมาปังอีกครั้ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าม้าแข่งคือกีฬาที่มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การพัฒนาที่จะต่อยอดออกไปทำได้ยาก เพราะคนรุ่นใหม่สนใจน้อยลงและคนรุ่นเก่าก็เริ่มจะรั้งกิจการไม่ไหว แต่เมื่อกลางปี 64 เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา สมาคมราชกรีฑาสโมสร พร้อมด้วย นายเต็มสุข สุวรรณศร กรรมการอำนวยการการแข่งขันม้า ได้ร่วมกันประชุมเพื่อจัดแข่งขันกีฬาม้าแข่ง โดยไม่มีการพนัน ชิงแชมป์ประเทศไทย ในวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ค. 2564 ที่เพิ่งผ่านมา โดยเป็นการแข่งกันทั้งหมด 10 เที่ยวสมาคมละ 5 เที่ยว ใช้ระยะสนาม 1,200 เมตร ถ่ายทอดสดทางช่องที-สปอร์ต (T-Sport), ยูทูบ และเฟซบุ๊ก
และรายการนี้ก็ดูจะเป็นจุดเริ่มต้นอีกครั้งของกีฬาม้าแข่งในไทย แต่จะเป็นแค่ไฟลุกวาบหรือเป็นไฟที่ลุกโชน ก็ขึ้นอยู่กับการโฆษณาประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมเพื่อดึงดูดคนให้มากขึ้น อาจจะทำให้หลายอาชีพในวงการนี้ยังคงอยู่ได้ ทั้งเด็กเลี้ยงม้า เด็กขี่ม้า เด็กซ้อมม้า เด็กปล่อยม้า คนตัดหญ้า และผู้ฝึกซ้อมสอนม้า รวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาด้วย ซึ่งในวันที่ 18 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมากก็ได้มีการพิจารณาเข้าที่ประชุมที่อาจจะเปืดให้สนามม้าที่โคราชกลับมาแข่งได้ ซึ่งนี่เป็นสนามของเอกชนดูแล้วก็พอจะมีความหวังกันอยู่บ้าง ถ้าหากว่าทางภาครัฐลงมาสนับสนุนจริงจังกีฬาที่เกี่ยวกับม้าก็ยังมีอีกหลายประเภท ซึ่งในตอนนี้มีม้าที่ลงทะเบียนถูกต้องกับทางสมาคม รวมทั้งหมด 342 ตัว แบ่งเป็นม้าไทย 206 ตัว และม้าเทศ 136 ตัว และยังมีที่ไม้ได้ลงทะเบียนอีกมากถ้าทำให้วงการนี้กลับมาได้ อาจจะเป็นการแข่งชิงถ้วยแบบไม่มีการพนันก็ดูจะสอดคล้องกับบริบทของคนไทยมากกว่า
ร่วมแสดงความคิดเห็น