พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พร้อมตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกันแถลงจับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ชาวจีน จำนวน 6 คน พร้อมของกลาง Sim Box จำนวน 286 เครื่อง , ซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวนประมาณ 208,652 ซิม , โทรศัพท์มือถือ จำนวน 636 เครื่อง, เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง , จอคอมพิวเตอร์ จำนวน 62 เครื่อง , CPU จำนวน 84 เครื่อง และแล็ปท็อป จำนวน 4 เครื่อง โดยจับได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ถ.รัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ อ้างว่า ทำหน้าที่ดูแลเปลี่ยนซิมการ์ด มีรายได้เดือนละ 8,000 หยวน (ประมาณ 37,000 บาท) อยู่ที่นี่มาได้ 1 เดือน ทั้งนี้ไม่ทราบว่าการกระทำแบบนี้เป็นความผิดทั้งในประเทศจีนและประเทศไทย ส่วนซิมการ์ดซื้อมาราคา 10 – 15 บาท มีอายุการใช้งานได้ 3 – 5 วัน นำไปใช้สมัครแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยมีคนชื่อฉุนเกอ เป็นผู้จัดการดำเนินการทั้งหมดโดยนายฉุนเกอ มาครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า สตม.ได้เข้ามาตรวจสอบคนต่างด้าวเกี่ยวกับการหลบหนีเข้าเมืองได้พบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับการใช้ซิมโทรศัพท์ในคอนโดมิเนียมแห่งนี้ จึงให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพฤติกรรมที่เกิดขึ้นพบความผิดปกติจึงขอศาลออกหมายค้น เมื่อเข้ามาตรวจค้นพบ simbox และซิมโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการจับครั้งสำคัญกลางเมือง โดยพบ 32 ซิมต่อ 1 Box เฉลี่ยแล้วจะโทรออกได้ 10,000 ครั้งต่อนาที หนึ่งชั่วโมงจะโทรออกได้ 600,000 ครั้งในการเข้าถึงบุคคลต่าง ๆ ซึ่งได้ให้กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรททางเทคโนโลยีเข้ามาร่วมตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐาน
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า วันนี้จับได้ 6 คน ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบ ส่วนผู้ทำหน้าที่หลอกลวงประชาชนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นบุคคลอีกหนึ่งกลุ่มที่ทำหน้าที่พูดคุยกับคนที่ต้องการหลอกลวงเอาเงิน จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาเข้ามาด้วยวีซ่านักเรียนและนักท่องเที่ยว โดยเข้ามาได้เพียง 4 เดือน เช่าคอนโดมิเนีนมแห่งนี้ได้ 2 เดือน วันนี้จับหัวหน้าขบวนการคือ นายหยางชู และอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต , ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 15 ราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 , คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ และเป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงานโดยผิดกฎหมาย (ข้อหานี้ดำเนินคดีเพียง 1 คน)

ร่วมแสดงความคิดเห็น