44507

สาวเชียงรายหอบเงินกลับบ้าน แต่ถูกหลอกสูญเงิน 1.09 ล้านบาท

สาวใหญ่เชียงรายหอบเงินกลับบ้าน หวังใช้ดูแลพ่อแม่ช่วงบั้นปลาย แต่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก สูญเงินเกลี้ยงบัญชี 1.09 ล้านบาท วันที่ 11 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกสาวใหญ่เชียงราย ว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร หลอกตรวจสอบบัญชีจากการขายก๋วยเตี๋ยว สูญเงินเกลี้ยงบัญชี 1.09 ล้านบาท ไปแจ้งความไว้แล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตุ้มใต้ ม.9 ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย พบกับนายส่ง อายุ 72 ปี และนางทองใบ อายุ 65 ปี บ้าน ม.11 ต.งิ้ว ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของ นางโชติวรรณ อายุ 45 ปี เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากเรียนจบลูกสาวก็ไปทำงานโรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ต่อมาได้ตั้งครรภ์ก็เลยลาออกมาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว เก็บหอมรอมริบ ได้เงินมาประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ต่อมาเมื่อก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปี ลูกสาวก็กลับมาอยู่ที่บ้าน เพราะต้องการจะกลับมาดูแลพ่อกับแม่ที่อายุมากแล้ว เมื่อมาอยู่บ้านก็มาทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกผัก ปลูกพริก […]

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกาหลี ตั้งฐานปฏิบัติการในเชียงใหม่

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สัญชาติเกาหลี ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการใน จ.เชียงใหม่ เพื่อหลอกเอาเงินคนเกาหลีด้วยกันเอง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.หัวหน้าชุด PCT ชุดที่ 1 ปฏิบัติการทลาย 4 จุด แก๊งคอลเซนเตอร์ สัญชาติเกาหลี เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท โดยนำหมายค้นของศาล จ.เชียงใหม่ เข้าค้นในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ อ.หางดง และ อ.สันกำแพง รวม 4 จุด เป็นบ้านหรู 2 หลัง และคอนโด 2 ห้อง พร้อมจับกุมชายชาวเกาหลีใต้ จำนวน 5 คน พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง, แทปเล็ต 4 เครื่อง และ โทรศัพท์บ้าน 7 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร […]

ผกก.เชียงคำเตือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์แนวใหม่สวมรอยสรรพากร

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2565 ที่สภ.เชียงคำ จ.พะเยา ได้มีผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.เชียงคำ ได้เข้าพบต่อพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องของการถูกหลอกจากเจ้าหน้าที่สรรพากรปลอม ซึ่งผู้เสียหายรายนี้ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรปลอมนี้ดูดเงินในบัญชีหายไปจำนวน 7 แสนกว่าบาท ทางพ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยาวิชัย ผกก.สภ.เชียงคำ ได้กล่าวว่า จากช่วงก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอรี่เคยใช้รูปแบบการหลอกโดยการแฮ็กข้อมูลมือถือแล้วน้ำรูปของเจ้าของโทรศัพท์มาโพสต์ประจานหรือใช้เบอร์ในมือถือติดต่อเบอร์ต่าง ๆ อ้างว่าผู้นายนั้นนางนี้ได้ติดเงินเป็นจำนวนหนึ่งซึ่งทำให้หลายคนหลงเชื่อและโอนเงินไปแล้วหลายครั้ง ล่าสุดพบว่าแก๊งนี้ได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้นโดยปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ราชการหน่วยงานต่าง ๆ ถึงขั้นปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกรมสรรพากรโทรศัพท์มาหลอกเหยื่อมาแล้วหลายราย ซึ่งพฤติกรรมจะใช้วิธีการสุ่มเบอร์โทรศัพท์หรือเหยื่อที่คาดว่าเคยถูกหลอกมาแล้วรวมทั้งใช้วิธีพูดหว่านล้อมให้ผู้เสียหายหลงเชื่อในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่ายังใช้อยู่หรือไม่ อ่างว่ามีการเรียกจัดเก็บภาษีในการใช้บัตรเหล่านี้ทำให้ผู้เสียหายต่างกลัวว่าจะเสียภาษีมากจึงได้มีการพูดคุยจนกระทั่งแก๊งนี้จะส่งลิ้งค์ของสำนักงานสรรพกรปลอมมาให้ผู้เสียหายอีกทั้งบอกให้ผู้เสียหายกดลิ้งค์เข้าไปเพื่อทำการตรวจสอบในระบบ และหลังจากนั้นโทรศัพท์จะถูกล็อคจนผู้เสียหายไม่สามารถทำอะไรกับโทรศัพท์ได้ ซึ่งแก๊งนี้จะใช้โปรแกรมรีโมทควบคุมโทรศัพท์ ก่อนที่เงินในบัญชีจะถูกดูดไปจนหมด อย่างรายล่าสุดนี้ก็เช่นกันซึ่งสูญเงินในบัญชีไปเกือบ 8 แสนบาทอีกทั้งไม่รู้บัญชีปลายทางด้วยว่าถูกดูดเข้าบัญชีของใครทำให้ตำรวจทำงานลำบากมากขึ้นด้วย พ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยังกล่าวต่ออีกว่า ผู้เสียหายรายนี้พบว่าเป็นคนในพื้นที่ อ.เชียงคำ ด้วยการพูดหว่านล้อมและพูดจูงใจทำให้หลงเชื่ออย่างง่ายดาย ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นนี้ภายในระยะเวลา 3 เดือนเกิดมาแล้วทั้งหมด 3 คดีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่าหลักแสน ทั้งนี้ตนจึงอยากฝากเตือนประชาชนทุกคนว่าเวลามีเบอร์แปลกหรือระบบอัตโนมัติโทรเข้ามาหากตัวเองคิดว่าไม่เคยทำอะไรผิดหรือการกระทำใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจต่อคนอื่นก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับโทรศัพท์เบอร์แปลกหรือไลน์แปลก ๆ ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองต้องถูกหลอกอย่างง่ายดาย ในส่วนของคดีที่เกิดขึ้นนั้นในเวลานี้ตนก็ได้กำชับให้ทางพนักงานสอบสวนทำงานอย่างรัดกุมเพื่อหาคนผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

(มีคลิป) ระวังหลอก พระสงฆ์ ผู้สูงอายุวัยเกษียณ

เตือนระวังแก็งมิจฉาชีพ หลอกพระสงฆ์ หลอก ผู้สูงอายุวัยเกษียณ เรื่องคู่ครอง ล่าสุดพระที่เชียงใหม่ ถูกหลอกโอนเงินกฐินเป็นแสน ต้องพบกับปัญหาตามมา จากกรณีหลอกพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสวัดโอนเงินแสนกว่าบาทเงินจากศรัทธามาทอดกฐินที่สำนักสงฆ์ วัดป่าจำปาลาว ต บ้านกลาง อ สันป่าตองเชียงใหม่ ข่าวคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น วันที่ 28 พย 65 นายกวัลลภ นามวงค์พรหม รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ได้เปิดเผยว่า เรื่องเลห่านี้ได้ยินข่าวมาเป็นระยะแล้ว ว่ามีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จะเข้าหาบุคคลเป้าหมายที่เปาะบาง บุคคลที่ว้าเหว่ บุคคลที่เป็นโรคซึมเศร้า ที่อยู่กับบ้านก็ดี แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าที่อยู่ทางวัดรอบนอกออกไป พวกนี้จะเข้าไปตีสนิทในรูปแบบต่าง ๆ เมื่อตีสนิทแล้วก็จะให้ความหวังอย่างนั้นอย่างนี้ หรือไม่ก็จะอ้างความเดือดร้อน ขอให้โอนเงินโอนทองให้ ก็สูญเสียไปมาก ล่าสุดก็มีข่าวไปหลอกพระสงฆ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นผู้หญิง ไปตีสนิทและไปให้ความหวังพระซึ่งอ่อนเยาว์ต่อทางโลก จนยอมเสียสละโอนเงินไปให้และให้ความหวังในเรื่องของคู่ครองต่าง ๆ นานา ทำให้เกิดความลุ่มหลงความโลภ แม้กระทั่ง ได้มีการนำเงินการกุศลต่างๆ ที่ทางวัดได้รับมาจากชาวบ้านศรัทธา ก็เอาไปให้บุคคลเป้าหมายกลุ่มพวกนี้ ก็อยากฝากเตือนว่า ผู้สูงวัย พระสงฆ์ ที่มีรายได้ดีมีเงินทองมากมาย แต่ประสบปัญหาเรื่องของครอบครัวเรื่องของจิตใจ ก็จะถูกกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้เข้าไปหลอก ก็ฝากเตือน […]

ครูแพร่ห่วงเตือนภัย! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลามไปถึงนักเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.แพร่ เมื่อคืนวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565เวลา 22.04 น. ผู้ใช้เฟชบุ๊ค ชื่อ Anusorn Prom เป็นเฟซบุ๊กของ นายอนุสรณ์ พรมรังกา ผอ.รร.รัฐราษฏร์บำรุง ต.ทุ่งกวาว อ.เมือง จ.แพร่ สังกัด สพป. แพร่ เขต 1 ได้โพสต์ข้อความเตือนภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า “ระวังภัย เมื่อวานนี้..มีเด็ก (ลูก) ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่งได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรมาหลอกเอาเงินโดยอ้าง (หลอก) ว่า เขาเป็น จนท.ตำรวจได้ตรวจพบว่า บัญชีเงินฝากของน้องมีปัญหา น่าเกี่ยวข้องกับแก๊งมิจฉาชีพฟอกเงิน ขอให้รีบดำเนินการ แจ้งความและให้ความร่วมมือกับทางตำรวจ โดยในเสียงโทรศัพท์น่าเชื่อถือมาก มีเสียงคล้ายเสียงวิทยุของตำรวจแทรกมาด้วย คล้ายเป็นเสียงในโรงพัก โดยให้เด็กถ่ายบัตร ปชช.และบัญชีเงินฝากส่งมาให้ตำรวจ (ปลอม) ด้วย เพื่อประกอบการแจ้งความและอ้างว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังติดตามมิจฉาชีพกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด จึงขอให้เด็กอย่าเพิ่งแจ้งให้ใครทราบ เพราะเดี๋ยวคนร้ายจะรู้ตัว และให้เด็กโอนเงินเพื่อประกอบการแสดงความบริสุทธิ์ด้วย เด็กก็โอนเงินจากบัญชีของตนไป จากนั้นแก๊งนี้ก็สอบถามอาชีพ/ข้อมูล ผปค. แล้วบอกให้เด็กแจ้งผู้ปกครองได้โอนเงินมาที่โรงพัก เพื่อเป็นหลักประกันการแจ้งความด้วย […]

ปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ริดกิ่งก้าน” ล้างบางนายทุนจีน

ตามนโยบายของรัฐบาลโดย ฯพณฯ  พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง การหลอกลวงข่มขู่ให้เกิดความเกรงกลัวหรือคดีคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน เป็นจำนวนมาก ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีกรณีชาวต่างชาติเสียชีวิตเพราะยาเสพติดในสถานบันเทิง และกรณีสถานบริการเปิดให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน โดยเจ้าของกิจการหรือสถานบริการล้วนเป็นนักลงทุนต่างชาติ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี1 ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่า สืบเนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 283/2565 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2565 เข้า ตรวจค้นสถานบริการจินหลิง ย่านยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกว่า 237 คน เป็นชายสัญชาติจีน จำนวน 111 คน เป็นหญิงสัญชาติจีน จำนวน 126 คน นอกจากนั้น พบพนักงานและบุคคลชาวกัมพูชา และชาวไทย ในบริเวณอาคารดังกล่าวอีกจำนวนกว่า 29 คน ตรวจยึดรถยนต์หรูกว่า 30 คัน เพื่อตรวจสอบหาเจ้าของว่ามีส่วนร่วม รู้เห็น หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือมีพฤติการณ์อันเข้าข่ายฟอกเงิน หนึ่งในรถยนต์หรูที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้นั้น ผู้ต้องหาหญิงชาวจีน […]

ขีดเส้น 5 วัน สอบ ขรก.ขายข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ และภรรยา ถูกจับกุมจากเหตุขายข้อมูลคนไทยให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ สั่งการให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏโดยเร็วที่สุด โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า เป็นข้าราชการกรมการค้าภายใน ที่ปฏิบัติงานอยู่ในต่างจังหวัด ทั้งนี้ ตนจึงได้สั่งย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่ส่วนกลาง ตั้งแต่ 1 พ.ย. นี้ พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีรองอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน ให้ตรวจสอบให้เสร็จภายใน 5 วัน คาดภายในวันที่ 4 พ.ย. นี้ น่าจะสามารถรายงานข้อเท็จจริงให้ตนได้รับทราบ “ถ้าผลตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า มีการกระทำความผิดจริง ข้าราชการรายนี้ จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งทางอาญา ทางแพ่ง รวมถึงจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบลงโทษทางวินัยด้วย โดยถ้าพบการกระทำที่ผิดวินัยร้ายแรง จะมีโทษสูงสุด คือ ไล่ออก และจะไม่ได้รับบำเน็จ บำนาญใดๆ” นอกจากนี้ กรมจะให้ความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ทั้งตำรวจ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เพื่อเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด รวมถึงหากมีข้าราชการคนอื่นของกรมสมรู้ร่วมคิดด้วย ก็จะดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม และเอาผิดกับทุกคนที่กระทำความผิด เพราะถือว่า เป็นการกระทำที่รับไม่ได้

รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สวมรอย ผกก.เชียงราย ลวงเงิน 100 ล้าน

29 ต.ค. 65 ตร.ตามจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังเคยบุกไปถึงกัมพูชา แต่หนีกลับไทยมาได้ เจ้าตัวสารภาพสิ้นเริ่มทำตั้งแต่ พ.ย.64 ทำไปทำมาผลงานดี บอสไต้หวันเลื่อนตำแหน่งให้เป็นสาย 3 อ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ยศพันตำรวจเอก ผกก.สภ.เมืองเชียงราย หลอกเหยื่อได้เฉลี่ยเดือนละ 7-8 ล้านบาท เคสใหญ่ๆ รายล่าสุดร่วมกับเพื่อนหลอกหมอที่ชุมพร ได้ถึง 101 ล้าน.ผู้ต้องหาสารภาพอีกว่า แก็งคอลเซ็นเตอร์แก็งนี้ มีพนักงานเป็นคนไทยประมาณ 50-60 คน ในส่วนของเงินเดือนที่ได้การทำงานตั้งแต่เริ่มงาน ช่วง 1-3 เดือนแรก จะได้เงินเดือนประมาณ 20,000 บาท แต่ภายหลังเป็นพนักงานเก่า จึงได้ปรับเงินเดือนเพิ่มเป็น 30,000 บาท และได้ค่าคอมมิชชั่นจากการหลอกลวง 3% และคอมมิชชั่นล่าสุดที่สามารถหลอกลวงได้ 101 ล้าน ได้เงินสดมากว่า 2.5 ล้านบาท และเคสเก่าที่เคยหลอกลวงได้ 40 ล้านบาท ตนได้เงินประมาณ 1,400,000-1,500,000 บาท และเคสเก่าที่เคยหลอกลวงได้ 10 ล้านบาท ได้เงินสด […]

สุดฉาว! พบ พ.ต.ท. ขายข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจไซเบอร์ จับพันตำรวจโท และเจ้าที่กระทรวงพาณิชย์ ขายข้อมูลคนไทยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ผบช.สอท.) ร่วมกันเปิดเผยกรณีตรวจพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐให้ข้อมูลส่วนบุคคล กับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยได้มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากปฏิบัติการ “เด็ดปีกมังกร” จับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาของ บช.สอท. สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 16 ราย เป็นกลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้า 8 ราย กลุ่มรวบรวมบัญชีม้าเพื่อส่งต่อให้นายทุนชาวจีน 1 ราย และกลุ่มที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลผู้เสียหาย เพื่อนำไปใช้ในการหลอกลวง 2 ราย เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกจับ รายแรก เป็นตำรวจ ยศ “พ.ต.ท.” พฤติการณ์ คือจะเข้ารหัสไปกดดูฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของผู้เสียหาย โดยพบว่าเข้าไปกดดูมากจนนับครั้งไม่ถ้วน ส่วนรายที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างของกระทรวงแห่งหนึ่ง ย่านสนามบินน้ำ จะเข้าระบบไปล้วงข้อมูลการจดทะเบียนการค้า หรือตราธุรกิจของผู้เสียหาย ไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะดูข้อมูลว่าเหยื่อว่ารายใดมีฐานะร่ำรวย มีทุนจดทะเบียนทางธุรกิจด้วยเงินจำนวนมากแล้ว จึงนำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์  โดยทั้ง 2 ราย จะมีรายได้จากการขายข้อมูลคนไทยด้วยกัน ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน วันละ 20,000 บาท หรือเดือนละ 600,000 บาท ซึ่งทางธนาคารพบการเคลื่อนไหวของเงินจากบัญชีม้า เข้ามายังบัญชีของผู้ต้องหา จึงประสานตำรวจตรวจสอบ และนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม […]

แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ผกก.เมืองเชียงรายแจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังอดีต ผอ.ศูนย์การแพทย์ถูกหลอกโอนเงินกว่า 101 ล้านบาทจากกรณีที่ แพทย์หญิง อดีตแพทย์อายุรกรรม โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร และอดีต ผอ.ศูนย์แพทย์ศาสตร์ศึกษา ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้วและเปิดคลินิกอยู่ใน จ.ชุมพร พร้อมด้วยบุตรสาว ได้แจ้งความร้องทุกข์ถูกคนร้ายฉ้อโกงเงินโดยแจ้งว่าได้ส่งพัสดุมีสิ่งของผิดกฎหมายไปยังผู้รับปลายทางซึ่ง น.ส.ฎา จะต้องถูกดำเนินคดีที่ สภ.เมืองเชียงราย และแนะนำให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย จากนั้นได้ให้ น.ส.ฎา ติดต่อกับบัญชีไลน์ชื่อ “สภ.เมืองเชียงราย” และได้มีคนร้าย แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย พูดคุยหว่านล้อมให้ น.ส.ฎา เชื่อว่าตนเองจะต้องถูกดำเนินคดีมีโทษจำคุก โดยได้ส่งบัญชีไลน์ซื่อ “พ.ต.อ.กิตติพงษ์” ให้ น.ส.ฎา ทำการติดต่อ โดยแจ้งว่าเป็นผกก.สภ.เมืองเชียงราย จนถูกหลอกให้โอนเงินกว่า 101 ล้านบาท ล่าสุดทาง พ.ต.อ.กิตติพงษ์ สุขวีฒนพันธุ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้กล่าวถึง กรณีดังกล่าวว่า ตนถูกแก๊งมิจฉาชีพ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้าง และมีผู้เสียหายมาแล้ว กว่า 10 ราย ซึ่งตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการแจ้งเตือนตามสื่อต่างๆ […]

ตำรวจไซเบอร์-เอไอเอส เดินหน้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจไซเบอร์ – เอไอเอส เดินหน้า จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต่อเนื่อง ล่าสุด เจอแหล่งกบดานที่ จ.ชุมพร 5 ตุลาคม 2565 : จากการที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัด ขับเคลื่อนนโยบายในการปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยกำหนดให้การลดคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นนโยบายเร่งด่วน และที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร่วมกับ เอไอเอส จับกุมเครือข่าย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและตรวจยึดเครื่อง GSM Gateways (Simbox) ซึ่ง เป็นเครื่องมือที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการกระทำความผิด เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. ได้ทำการสืบสวนขยายผลจนกระทั่งทราบว่ามีการใช้เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ดังนั้นกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. สั่งการให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 […]

เหตุแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกรายวัน

ตำรวจเชียงคำวอนประชาชนตั้งสติหลังพบเหตุแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกรายวัน ถึงขั้นปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร พบผู้เปิดบัญชีม้าที่ถูกจับเป็นเยาวชนส่วนใหญ่ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2565 มีรายงานข่าวว่า ในช่วงนี้จะพบว่ามีเหตุการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกรายวันและต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ จนทำให้มูลค่าความเสียหายพุ่งสูงไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้ภายใน สภ.เชียงคำ จ.พะเยานั้น ทางตำรวจฝ่ายงานรับแจ้งเรื่องหลอกโอนเงินนั้นต้องรับเป็นรายวันวันละไม่ต่ำกว่า 3 คดี ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเป็นเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งสิ้น ทางร.ต.อ.อาคม แก้วหน่อ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เชียงคำ ได้กล่าวว่า ช่วงนี้จะพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นระบาดหนักอย่างมาก โดยพบว่าส่วนใหญ่จะหลอกในเรื่องของเบอร์โทรผู้เสียหายเกี่ยวข้องในเรื่องที่ไม่ดี อีกทั้งเรื่องของขนส่งต่าง ๆ ที่ใช้ระบบอัตโนมัติติดต่อเข้ามา และล่าสุดพบปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากรแจ้งเค้ามาในเรื่องของการขอตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินหรือการเปิดร้านโดยไม่ผ่านการเสียภาษีเป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้เสียในพื้นที่ของ อ.เชียงคำนั้นมีไม่ต่ำกว่า 100 ราย และมูลค่าเสียหายนั้นพบสูงไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทด้วย ทั้งนี้จากการสอบสวนนั้นส่วนใหญ่ต่างทราบเรื่องของภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้อยู่แต่สุดท้ายก็หลวมตัวถูกหลอกไปอย่างง่ายดาย ซึ่งตนอยากให้ประชาชนที่รับฟังข่าวสารเหล่านี้ได้ตั้งสติก่อนที่จะหลงเชื่อเพราะไม่เช่นนั้นแล้วเงินในบัญชีก็จะถูกดูดไปอย่างง่าย ๆ และในขั้นตอนการจะตามตัวนั้นก็ไม่ง่ายเลยเพราะบางคดีพบว่าชื่อบัญชีที่ผู้เสียหายได้ถูกดูดเงินหรือหลอกให้โอนนั้นชื่อ – สกุล เดียวกันแต่มีด้วยกันถึง 3 คน ทำให้การตรวจสอบนั้นยากลำบากพอสมควรและต้องใช้เวลานานด้วย ด้าน พ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยาวิชัย ผกก.สภ.เชียงคำ ได้กล่าวเสริมว่า ทุกวันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นยังอาละวาดหนักอยู่ต่อเนื่องและทางตำรวจก็ทำงานกันอย่างหนัก แต่ด้วยเพราะบางคดีตัวผู้ต้องหานั้นพบว่าอยู่ต่างประเทศ […]

1 2 3