เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 นางพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโสของ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ (ธปท. สภน.) ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้ :
1. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาคเหนือ: ตามข้อมูลที่ธปท. สภน. ได้เผยแพร่ ภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ได้ทำการขยายตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ทั้งนี้เกิดจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ อาทิ รายได้เกษตรกร ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจภาคเหนือคาดว่าจะก้าวเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจที่มั่นคงและฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องมากขึ้นในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 ดังนั้นควรให้ความสำคัญในการติดตามสถานการณ์การฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้อย่างต่อเนื่อง
2. ปัจจัยที่ส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาคเหนือ: ในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาคเหนือ สิ่งที่สำคัญมาก คือ การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ อาทิ กิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยนักท่องเที่ยวที่เป็นทั้งคนไทยและคนต่างชาติ
นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญในเรื่องของภาคการเกษตร ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับราคาสินค้าเกษตรที่มีความต้องการสูงในตลาดการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการดูแลปรับปรุงและส่งเสริมพัฒนาภาคการเกษตรในภาคเหนือให้มีคุณภาพ
3. การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน: การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญในเศรษฐกิจภาคเหนือ ธปท. ได้วางแผนเสนอแนวทางการให้สินเชื่อที่รับผิดชอบ “Consultation paper” เป็นขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการประกาศนโยบายหรือกฎหมายใหม่
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและเสนอความคิดเห็นเพื่อเสริมสร้างความรับผิดชอบและความโปร่งใสในกระบวนการตัดสินใจ การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และระเบียบการทำงานที่ถูกต้องในการสร้าง “consultation paper” จะเป็นประโยชน์ในการควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการมีมาตรการหรือนโยบายที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป
โดยผู้ที่ส่งเสริมกระบวนการ “consultation paper” จะคำนึงถึงความเห็นและความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการจัดทำนโยบายหรือกฎหมาย อย่างเช่น บุคคลทั่วไป องค์กรภาคเอกชน หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งช่วยให้กระบวนการตัดสินใจมีความถูกต้องและมีความโปร่งใสอย่างมากขึ้นและมีความเป็นธรรม (responsible lending) และการตรวจสอบกระบวนการให้สินเชื่อตลอดวงจรหนี้ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความเสี่ยงในการทวงถามหนี้ในอนาคตและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกหนี้ในการบริหารจัดการเงินและการจ่ายหนี้
หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (responsible lending) เป็นหลักการที่ธนาคารและสถาบันการเงินต้องปฏิบัติตามในการให้สินเชื่อให้กับลูกค้าหรือลูกหนี้ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าและการคาดคะเนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นความรับผิดชอบในการให้สินเชื่อเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ที่ลูกค้าไม่สามารถจ่ายคืบควบคู่กับสภาพความเป็นอยู่ของลูกค้า ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าสามารถจัดการเงินและหนี้สินให้มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสมและยั่งยืนได้
ในการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม สถาบันการเงินจะตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงทางการเงินของลูกค้าอย่างละเอียด โดยพิจารณาตัวชี้วัดต่างๆ เช่น รายได้ที่คงทนและเพิ่มขึ้นของลูกค้า รายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน และสภาพเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อภาวะเงินที่ลูกค้าต้องเผชิญ ซึ่งสถาบันการเงินจะให้สินเชื่อเมื่อพิจารณาแล้วว่าลูกค้าสามารถรับผิดชอบในการชำระหนี้ให้ครบถ้วนตามกำหนด
หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการควบคุมความเสี่ยงในการให้สินเชื่อและส่งเสริมให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในความสามารถในการจัดการเงินและหนี้สินของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ยังเป็นสิ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือในการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินพื้นที่ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ (ธปท. สภน.)
เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ

ร่วมแสดงความคิดเห็น