ผู้อำนวยการเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เผยการบริหารจัดการขณะนี้มองที่พายุยางิได้เป็นอันดับแรก
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 67 ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ปริมาณน้ำ 219.851 ล้าน ลบ.ม. (82.96%) Inflow 1.250 ล้าน ลบ.ม. Outflow 4.039 ล้าน ลบ.ม.. ขณะนี้มีกรระบายน้ำออกเป็นวันที่ 7 เพื่อการบริหารจัดการน้ำเกินเกณฑ์เส้นเกณฑ์ควบคุม (Rule Curve) จะระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม (Rule Curve) ไปจนถึงวันที่ 10 ก.ย. จากการระบายน้ำในวันนี้ออกไปเพิ่อมอีก 4 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนแม่งัดสามารถรองรับน้ำได้ถึง 43 ล้าน ลบ.ม. หากในช่วงเวลาเกิดพายุเข้ามา เขื่อนแม่งัดฯ การพร่องน้ำออกจากเขื่อนแม่งัดในห้วงนี้ มีการตรวจปริมาณน้ำ ในแม่ปิงของอำเภอเชียงดาว จากการตรวจวัดปริมาณน้ำ จุด P.20 อำเภอเชียงดาว เป็นหลักเพื่อไม่ให้มีมวลน้ำจากการระบายออกไปสมทบ จนส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มขึ้น ตอนนี้ไม่น่าห่วงพายุเพราะจะพัดเข้ามาเพียง 3-4 วัน ซึ่งจะมีมวลน้ำไหลเข้ามาประมาณ 30 ล้าน.ลบ.ม. แต่ที่น่าห่วงหากเป็นร่องมรสุม ร่องความกดอากาศต่ำ จะทำให้ฝนตกนานปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้ตรวจเฝ้าปริมาณน้ำฝน ปริมาณน้ำไหลจากดอยตลอดแนวเขาด้านทิศตะวันตกตั้งแต่ลำน้ำแม่แตง ลำน้ำแม่ริม น้ำจากดอยสุเทพ ลำน้ำแม่ขาน น้ำแม่แจ่ม และลำน้ำสาขาต่างๆ หากมีมวลน้ำเพิ่มขึ้น พร้อมกลับปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก ส่งผลให้ปริมาณน้ำปิงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะยังใช้การเฝ้าระวังตรวจวัดปริมาณน้ำ ที่จุด P.75 สะพานช่อ จุด P.103 วงแหวนรอบ 3 และ จุดP.1 สะพานนวรัฐ หากยกตัวสูง พร้อมกับมีมวลน้ำไหลลงมาพร้อมกันสู่แม่น้ำปิง เขื่อนแม่งัดหยุดการระบายน้ำ เพื่อลดมวลน้ำไปส่งผลกระทบ เพื่อไม่ให้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม พื้นที่เศรษฐกิจ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ส่วนการพร่องน้ำไว้รองรับขณะนี้สามารถรองรับน้ำด้อีก 70 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจาก เขื่อนแม่งัดฯ มีความพิเศษแตกต่างกว่าอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนอื่นคือ มีการออกแบบเขื่อนเพื่อที่จะลดผลกระทบในเขตตัวเมืองเชียงใหม่มาไว้แล้วตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นการลดปริมาณน้ำ 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำที่จะหลากเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ได้มีการสร้างสปิลเวย์ให้มีลักษณะพิเศษคือมีการยกสปิลเวย์ขึ้นมากกว่าระดับเก็บกัก โดยสามารถรับน้ำได้มากกว่า 28 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะเป็นการหน่วงน้ำไว้ไม่ให้เข้าไปรวมกับน้ำปิงแล้วเข้าเอ่อท่วมตัวเมืองเชียงใหม่
ร่วมแสดงความคิดเห็น