แม่ค้าสาวเชียงใหม่ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสวมรอยเป็นตำรวจไซเบอร์ สูญเงินเกลี้ยงบัญชีเกือบล้าน โร่นำหลักฐานแจ้งความตำรวจ พร้อมเตือนภัยหวั่นมีคนตกเป็นเหยื่อเพิ่ม
วันที่ 12 พ.ย. 67 นางสาวกาญจนา อายุ 35 ปี แม่ค้าขายอาหารทะเล ชาวอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ นำเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 เชียงใหม่ (สอท.) เพื่อขอเร่งรัดคดีที่เธอถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินจากบัญชีไปกว่า 970,000 กว่าบาท โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์สวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ หลอกลวงต่าง ๆ นานาจนเธอหลงเชื่อ หลังทำทีโทรเข้ามาหาเพื่อช่วยเหลือ
นางสาวกาญจนา เล่าว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา ติดต่อซื้อสินค้าจากเพจชื่อ “เฮียวิน วัตถุโบราณ” ซึ่งไปโพสต์ขายในกลุ่มเฟซบุ๊ก “กระทงอาหารปลา ข้าวโพดแฟนซี” เป็นกระทงขนมปังอาหารปลา จึงเช็คแบล็คลิสบัญชีผู้รับเงินชื่อ นายนพกาย พบว่าไม่มีการขึ้นบัญชีแบล็คลิสไว้ในขณะนั้น จึงโอนเงินจำนวน 2,085 บาทไป แต่ต่อมาเธอติดต่อสอบถามไปก็ไม่มีการส่งสินค้ามาให้ และบล็อกการติดต่อ แต่เมื่อมาเช็คตอนหลังกลับพบว่ามีชื่อชายคนดังกล่าว เพราะมีผู้แจ้งโกงเอาไว้รายหนึ่ง จึงเตรียมไปแจ้งความเอาผิด

กระทั่งวันที่ 4 พ.ย. 67 ก็มีโทรศัพท์จากชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ และบอกว่าสามารถจับกุมเจ้าของเพจดังกล่าวที่โกงเงินจากเธอได้แล้ว จากนั้นให้แอดไลน์ที่เป็นรูปตำรวจไซเบอร์ และยังบอกว่าหากมี @ ด้านหน้าจะเป็นไลน์โจร และไลน์นี้ไม่มี @ เป็นของจริง ชื่อไลน์ CYBER จากนั้นมีการพูดคุยกันและหลอกล่อต่าง ๆ นานา ว่าบัญชีของเธอพัวพันกับธุรกิจมืด เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีม้ากับนายนพกาย กระทั่งให้เธอโอนเงินจากบัญชีธนาคารไปตรวจสอบ ซึ่งในบัญชีมีเงินสดอยู่ประมาณ 9 หมื่นกว่าบาท และเงินโอดีจากแบงก์อีก 9 แสนบาท ซึ่งเธอก็โอนไปทั้งหมด
เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากโอนไปแล้ว มิจฉาชีพยังพยายามสอบถามว่ามีบัตรเครดิตและบัญชีวอลเลทชอปปี้เพย์หรือไม่ โดยบอกว่าจะให้โอนเงินจากวงเงินบัตรเครดิตเข้าไปวอลเลท แต่เมื่อสอบถามถึงบัญชีวอลเลท ทำให้เธอเริ่มเอะใจและรู้ตัวว่าถูกหลอก จังหวะนั้นแฟนหนุ่มเข้ามาหาพอดี จึงให้แฟนหนุ่มคุยกับมิจฉาชีพเพื่อถ่วงเวลา ระหว่างนั้นเธอได้โทรศัพท์แจ้งสายด่วนตำรวจไซเบอร์เพื่อแจ้งความออนไลน์และอายัดบัญชีปลายทาง แต่ปรากฏว่าอายัดไม่ทัน เงินถูกโอนออกไปทันที ขณะที่มิจฉาชีพยังด่าแฟนหนุ่มด้วยถ้อยคำหยาบคายก่อนวางสาย

ต่อมาวันรุ่งขึ้น (5 พ.ย. 67) มิจฉาชีพก็โทรกลับมาอีกครั้งโดยใช้เบอร์อื่นโทรเข้ามา บอกกับเธอซึ่งรับสายว่า “รู้ไหมผมยศอะไร” พร้อมกับบอกให้กดลิ้งก์ที่ส่งมาให้ในไลน์ แต่เธอก็ไม่ยอมทำให้มิจฉาชีพด่ากราดด้วยถ้วยคำหยาบคาย ก่อนจะวางสายไป หลังจากนั้นเธอจึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หางดง ซึ่งตำรวจได้เร่งออกหมายเรียกบุคคลที่มีชื่อเป็นเจ้าบัญชีที่รับโอนเงิน
นางสาวกาญจนา บอกว่า เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกเสียใจและเสียดายเงินที่ถูกหลอก เพราะเป็นทั้งเงินเก็บและวงเงินเบิกเกินบัญชีที่ใช้สำหรับค้าขาย ตอนนี้เรียกว่าหมดตัว แถมยังกลายเป็นหนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารฟรี ๆ เดือนละกว่า 20,000 บาท จึงขอฝากเตือนทุกคนอย่าไปหลงเชื่อ ขอให้ตั้งสติหากมีสายเข้ามาจากมิจฉาชีพ หลังจากนี้เธอเองก็จะต้องรอบคอบให้มากขึ้น ส่วนในวันนี้ที่เดินทางมาแจ้งความที่ สอท.เชียงใหม่ หวังให้เร่งรัดติดตามเงินและตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด



ร่วมแสดงความคิดเห็น