‘รีไฟแนนซ์‘ คงเป็นคำที่ได้ยินกันบ่อย จากการผ่อนอสังหาริมทรัพย์อย่างบ้านหรือคอนโดมิเนียม แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันเราสามารถรีไฟแนนซ์รถยนต์ได้แล้วเช่นกัน โดยเป็นการนำรถยนต์มาเป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการประเมินสภาพรถโดยอ้างอิงจากราคากลางของรถรุ่นนั้น ซึ่งการรีไฟแนนซ์รถยนต์จะเป็นการลดต้นทุนการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังมีภาระหนี้เหลือไม่น้อยกว่า 3 – 5 ปี สามารถทำการปรับเปลี่ยนแหล่งเงินกู้ เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่าเดิมได้
การรีไฟแนนซ์รถยนต์คืออะไร
การรีไฟแนนซ์รถยนต์คือการย้ายสัญญาสินเชื่อรถยนต์ก่อนผ่อนรถหมด โดยเป็นการเปลี่ยนธนาคารหรือทำสัญญาสินเชื่อรถยนต์กับสถาบันการเงินเดิม หรือเป็นการกู้เงินจากที่ใหม่มาปิดที่เก่า ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อช่วยลดอัตราดอกเบี้ยหรือค่างวดที่เป็นค่าผ่อนรถต่อเดือน จึงใช้กับรถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด แต่หากเป็นรถที่ปลอดภาระหรือผ่อนรถหมดแล้วจะเรียกว่าเป็นการจำนำเล่มทะเบียนรถยนต์แทน
ทำไมต้องรีไฟแนนซ์รถยนต์
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ที่ถูกกว่า ทำให้ผ่อนชำระได้ด้วยดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิม
- บางกรณีอาจได้วงเงินกู้มากขึ้นกว่ายอดคงค้างเดิม
- ลดภาระหนี้ ทำให้จำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือนลดลง
- คลายความเครียดจากการต้องใช้จ่ายเงินที่รัดตัว
- ได้เงินส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้มีเงินเหลือไว้ใช้ในส่วนอื่น ๆ เพื่อนำไปหมุนเวียนใช้จ่าย
ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์รถยนต์
- ยืดระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้น
- เสียค่าใช้จ่ายจิปาถะในการดำเนินการ และอาจต้องเสียค่าปรับหากมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด รวมถึงต้องเสียเวลา
- มีความยุ่งยากในการเตรียมเอกสาร เช่น เอกสารเกี่ยวกับรายได้ของผู้กู้ หากปัจจุบันผู้กู้ตกงาน ไม่มีรายได้ ไม่สามารถหาเอกสารที่ยืนยันรายได้ของตนเอง อาจทำให้ไม่สามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์
ขั้นตอนจะเหมือนกับการขอสินเชื่อในการผ่อนรถทั่วไป โดยเจ้าของรถยนต์ต้องเตรียมเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานทางการเงิน สมุดบัญชีเงินฝาก และสำเนาเล่มทะเบียนรถยนต์ เพื่อส่งให้สถาบันทางการเงินที่ต้องการนำไปขอเงินกู้ใหม่เพื่อนำมาปิดยอดกู้กับธนาคารเดิม หลังจากนั้นจะมีการประเมินราคารถยนต์เพื่ออนุมัติวงเงินสินเชื่อ
โดยส่วนใหญ่สถาบันการเงินจะรับรีไฟแนนซ์ในระยะที่ผ่านเวลาผ่อนรถไปแล้วอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เช่น สัญญาสินเชื่อมีระยะเวลาผ่อนรถจำนวน 6 ปี และผ่อนชำระค่างวดไปแล้ว 3 ปี ก็จะสามารถนำรถยนต์เข้ารีไฟแนนซ์ได้ อีกทั้งยังต้องดูถึงราคากลางของรถยนต์ในปัจจุบัน เนื่องจากการขอยอดใหม่ควรได้ยอดมากกว่าสัญญาเดิม ถึงจะนับว่าคุ้มค่า
ร่วมแสดงความคิดเห็น