เปิดตำนาน ถ้ำผานางคอย “รักที่รอการปลดปล่อยนับร้อยปี”

ถ้ำผานางคอย จ.แพร่ เป็นถ้ำที่มีมายาวนาน เป็นถ้ำที่เกิดจากธรรมชาติ มีลักษณะเป็นหน้าผาสูง ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย มีก้อนหินรูปร่างคล้ายหญิงสาวนั่งอุ้มลูกน้อยรอคอยคนรัก ชาวบ้านเรียกหินก้อนนี้ว่า หินนางคอย ซึ่งมีตำนานพื้นบ้านที่เล่าขานต่อกันมา ว่าอาณาจักรแสนหวี มีกษัตริย์องค์หนึ่ง ปกครองด้วยทศพิธราชธรรม และพระองค์มีพระราชธิดาที่ทรงเลอโฉม นามว่าอรัญญาณี และวันหนึ่งพระนางพร้อมด้วยข้าราชบริพารทรงเรือพระที่นั่ง และระหว่างนั้นเรือพระที่นั่งได้เกิดพายุพัดกระหน่ำจนจมลง พวกข้าราชบริพารทั้งหลายพากันหนีเอาตัวรอด เว้นแต่หัวหน้าเรือได้เข้าไปช่วยพระนางไว้ และพาพระนางเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย ต่อมาด้วยความใกล้ชิดและที่ช่วยชีวิตไว้ จึงเกิดเป็นความรักอมตะในดวงใจระวังข้ากับเจ้า จึงทำให้พระนางได้ประพฤติล่วงราชประเพณี ผิดกฎมณเฑียรบาล จึงถูกลงโทษ ในขณะทรงตั้งครรภ์
ส่วนทางสามีพระนาง เมื่อทราบจึงได้เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยพระนาง และพาหนีไปด้วยกัน เมื่อทางทหารหลวงทราบ จึงได้จัดชุดทหารออกติดตามจนพบ และได้ยิงธนูใส่สามีพระนาง แต่ด้วยความพลบค่ำลูกธนูพลาดเป้าไปถูกพระนาง ทางสามีพระนาง เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ จึงรีบพาพระนางหลบหนีเข้าถ้ำ แห่งนี้ และด้วยความรักบริสุทธิ์ของพระนาง ได้บอกกับสามีว่าให้หนีไปก่อน ก่อนที่ทหารจะมาพบ และทางเจ้าหญิงได้พูดว่าหญิงจะรอที่นี่ ด้วยแรงอธิษฐานรักของพระนาง ทำให้กลายเป็นหิน พร้อมโอบกอดพระโอรสไว้บนตักที่ประดับด้วยเพชรแวววาว อันเป็นสัญลักษณ์ของดวงใจอันสดใสสะอาด ปรากฏอยู่ตราบจนทุกวันนี้ ปัจจุบันถ้ำผานางคอย ได้รับการปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประดับไฟตกแแต่งสวยงาม เป็นถ้ำที่มีอยู่มานาน แต่ไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมา และไม่ได้มีการบูรณะ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2550 นายชลอ ธรรมศิริ อดีตนายอำเภอร้องกวาง ร่วมกับ สำนักวิปัสสนา วัดศรีบุญเรือง จังหวัดแพร่ ไปค้นคว้าประวัติความเป็นมา และได้เริ่มจัดงานประจำปีขึ้นในปีนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมชมความงามของถ้ำ โดยได้กำหนดให้วันที่ 13-20 เมษายน ของทุกปี เป็นวันเข้าเที่ยวชม

ร่วมแสดงความคิดเห็น