(มีคลิป) เปิดใจจ้าวเหว่ย หลังถูกกล่าวหามานาน กว่า 15 ปี

จ้าว เหว่ย เปิดใจไม่เคยรู้จักกลุ่มธุรกิจจีนสีเทาในไทย ขอหยุดโยนหมวกเจ้าพ่อยาเสพติด หรือมาเฟียมาให้

ที่ หอพระราชวังจำลอง  เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาวจ้าว เหว่ย ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ได้ให้สัมภาษน์กับผู้สื่อข่าว จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่ออกมากล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังกลมทุนจีนสีเทาในประเทศไทย จ้าว เหว่ย ปฎิเสธและถามกลับว่า “ชูวิทย์เป็นใคร” ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสนิทสนม และไม่เคยพบปะ ทำไมถึงมาใส่ร้ายพาดพิง มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตนก็เป็น นักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญ และมั่งคั่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาอ้างชื่อไปเกี่ยวกับกับกลุ่มทุนสีเทาตามที่ เป็นข่าวในประเทศไทย และพยายามเชื่อมโยงให้เกี่ยวข้องกับ 5 เสือมังกร


โดยอ้างว่ามาเกี่ยวข้องกับตนนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะนักลงทุนจีนมีทั่วโลก หากจะกล่าวอ้างกัน ต้องมีหลักฐานมาพิสูจน์ อย่ามาพูด เพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันไม่ยุติธรรมสำหรับตน ทุกวันนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษ  ไม่ใช่ดินแดนสนธยาตามที่ใครเข้าใจ แต่มีความปลอดภัย พร้อมต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอยากให้เข้ามาท่องเที่ยว มีความปลอดภัย และยังได้สัมผัสทั้งแหล่งท่องเที่ยว ชิมอาหาร และวิถีชีวิตของคนจีน และคนลาว 

สหรับกรณีที่ สหรัฐอเมริกาขึ้นแบล็คลิสต์ นั้นไม่ได้ให้ความสนใจอะไร และมองว่า ทางสหรัฐอเมริกาพยายามจะบอกกล่าวให้คนทั่วโลกเข้าใจผิดมาโดยตลอด พยายามที่จะใส่หมวกให้คนอื่นเป็นมาเฟีย หรือค้ายาเสพติด มันไม่ยุติธรรม เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมคำในวันนี้ คือ พื้นที่สีขาว มีความปลอดภัย และเป็นแหล่งลงทุน ที่ในอนาคตจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่ใครๆ ก็ไม่ควรจะมองข้ามอีกต่อไป 

จ้าว เหว่ย กล่าวว่า “ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ คือ เมืองใหม่ที่มีเป้าหมายจะเติบโตระดับโลก เรามาไกลเกินกว่าพื้นที่สีเทา ที่ใครหลายคนเข้าใจ และมักจะเข้าใจผิดมาโดยตลอด บางคนที่พูดถึงเรายังไม่เคยเข้ามาเห็นว่าภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นอย่างไร ดังนั้น จึงไม่เสียเวลาไปอธิบายในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ทุกคนที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำรู้ดี เช่นเดียวกับกับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนก็รู้ดี  รัฐบาล สปป.ลาว ก็รู้ว่าเรามีเป้าหมายในการพัฒนาอย่างไร จึงไม่จำเป็นที่จะต้องออกมาแก้ข่าว แต่ให้ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์

ตั้งแต่ที่เข้ามาพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมื่อปี 2550 มักจะถูกคนภายนอกว่าเป็นพื้นที่สีเทา แหล่งค้ายาเสพติด แหล่งฟอกเงิน และแหล่งอาชญากรรมต่างๆ  เพราะมีบ่อนกาสิโน“คิงส์โรมัน” ตั้งอยู่ด้วย แต่หากได้เข้ามาสัมผัสแล้ว จะเห็นว่า “บ่อนกาสิโน” คือส่วนหนึ่งของการลงทุนเท่านั้น ปัจจุบันได้มีกลุ่มทุนสิงค์โปร์ เข้ามาเช่าเพื่อบริหารในระยะยาวเปลี่ยนชื่อมาเป็นALLUXI CASINO มีนายทุนชื่อ “สกาย”ชาวสิงค์โปร์วัย 49 ปี เป็นคนบริหารบ่อนกาสิโน

ร่วมแสดงความคิดเห็น