ดำเนินคดีหนักทั้งสองฝ่าย กลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุวิวาท จนหนุ่มวัย 16 หนีตายจมน้ำ

ดำเนินคดีหนักทั้งสองฝ่าย กลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาทท้องที่แม่ริม จนหนุ่มวัย 16 หนีตายจมน้ำ พบมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนในโรงเรียน ด้าน ผบช.ภ.5 ยันไม่ปล่อยผ่าน ขอผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ส.ค.67 ทาง พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.สิทธา คำเลิศ ผกก.สภ.แม่ริม ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุในพื้นที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ภายหลังจากที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทจนเป็นเหตุทำให้มีหนึ่งในกลุ่ม เป็นเด็กหนุ่มวัย 16 ปี เสียชีวิตจากการจมน้ำบริเวณคันคลองชลประทาน บ้านท่าไคร้ ม.2 ต.แม่สา อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่

ขณะที่ต่อมาหลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งดำเนินการสืบสวนจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดที่ก่อเหตุ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เชิญตัวฝ่ายถูกทำร้ายได้แก่ นายทุน หรือเต๋า และ นายทูลเพื่อซักถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โดยนายทูล ได้ให้ข้อมูลว่า ตนกับนายทุน ซึ่งได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายวีรลักษณ์ (ผู้ตาย) เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีน้ำเงิน มาจากถนนในหมู่บ้านน้ำงาม ม.1 ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 27 ส.ค.2567 พร้อมกับเพื่อนรวม 11 คน เมื่อมาถึงบริเวณสามแยกทางเข้าหมู่บ้านน้ำงามติดกับคันคลองชลประทาน ได้พบกับกลุ่มวัยรุ่นที่เคยมีเรื่องบาดหมางและทะเลาะวิวาทกันมาก่อน โดยทุกคนถืออาวุธในมือเช่นไม้เบสบอล มีดดาบ ท่อนเหล็ก จากนั้นก่อเหตุชกต่อยกันรถที่นายวีรลักษณ์ ขับขี่มาได้แฉลบล้มลง ทำให้ต่างคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด โดยตนได้วิ่งมาทางสะพานแล้วหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมกับนายลืน หรือ ด.ช.มัลลพ โดยตนทั้งสองได้ลื่นล้มบริเวณกลางสะพานก่อนที่จะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีต่อไป

ส่วนนายทุน  ทราบต่อมาว่าได้วิ่งหลบหนีไปอยู่บริเวณใต้สะพาน ส่วนนายวีรลักษณ์ ตนไม่ทราบว่าวิ่งหนีไปในทิศทางใดเนื่องจากกลัวว่าอีกกลุ่มจะมาเข้ามารุมทำร้ายได้   จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้นำภาพจาก กล้องโทรทัศน์วงจรปิดร้านซ่อมรถชื่ออู่สมชาย เซอร์วิส อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ ซึ่งสามารถบันทึกภาพในคืนวันที่ 27 ส.ค.2567 เวลาประมาณ 03.04 ขณะที่กลุ่มของผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านในหมู่บ้านก่อนถึงจุดที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทประมาณ 300 เมตร ให้นายทูล และ นายทุน ดูได้ให้การตรงกันว่า
รถจักรยานยนต์คันที่ 1 เป็นรถฮอนด้า PCX สีน้ำเงินมี (นายวีรลักษณ์ ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ขับขี่ คนซ้อนที่ 1 นายทูน หรือเต๋า คนซ้อนที่ 2 นายทูล  หรือทูล)
รถจักรยานยนต์คันที่ 2 เป็นรถฮอนด้า ดรีม สีส้มขาว (นายสุทธิเดช หรือมนเป็นผู้ขับขี่ และนายมัลลพ หรือลืน เป็นผู้ซ้อนท้าย)
รถจักรยานยนต์คันที่ 3 เป็นรถฮอนด้าเวฟ สีดำ (นายอ๋อง เป็นผู้ขับขี่ และ ด.ช.รุ้งดาว หรือม่อน เป็นผู้ซ้อนท้าย)  
รถจักรยานยนต์คันที่ 4 เป็นรถฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน (นายวรภัทร หรือภัทร เป็นผู้ขับขี่ และ ด.ช.แสงเมือง หรือเมือง เป็นผู้ซ้อนท้าย)
รถจักรยานยนต์คัดที่ 5 เป็นรถฮอนด้าดรีม สีขาวแดง (นายนนทนันต์ หรือนน เป็นผู้ขับขี่ และ นายพัชรพล หรือก๋อง เป็นผู้ซ้อนท้าย)
ซึ่งมีความสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

จากนั้นได้นำภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยว บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ พบว่าหลังจากที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันแล้ว พบเห็นว่า นายทูน หรือเต๋า และนายมัลลพ  หรือลืน ได้วิ่งหลบหนีไปทางวัดบุพผาราม หรือวัดทุ่งหัวช้าง นายทูล หรือทูล ได้วิ่งเข้าไปหลบใต้สะพาน ส่วนคนอื่นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี มีเพียงรถจักรยานยนต์ของนายวีรลักษณ์ ที่ยังล้มอยู่ที่บริเวณที่เกิดเหตุ และไม่พบเห็นว่านายวีรลักษณ์ วิ่งหลบหนีไปในทิศทางใดจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งตรงกับคำให้การของนายทูน ว่าหลังจากนั้นได้กลับมาเอารถของนายวีรลักษณ์ ไปส่งคืนให้ที่บ้านและออกตามหานายวีรลักษณ์ ก็ไม่พบตัวแต่อย่างใด  

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เชิญตัวฝ่ายคู่กรณีได้แก่ นายอัครพล หรือเอ๋ และ นายศุภวิชญ์ หรืออุ้ม มาซักถามรายละเอียดเหตุการณ์เพิ่มเติมโดยนายอัครพลฯ ได้ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนรวม 10 คน ใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 4 คัน ได้ขับขี่มาตามถนนเลียบคันคลองชลประทาน หมู่บ้านน้ำงาม ม.1 ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 27ส.ค.2567 ได้พบกลุ่มคู่อริโดยมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า PCX สีน้ำเงินขับซ้อนสามขับมาปาดหน้าโดยทุกคนถืออาวุธมาด้วย จากนั้นได้เกิดทะเลาะวิวาทกัน โดยกลุ่มคู่อริบางส่วนได้วิ่งหนีไปทางวัดบุพผารามหรือวัดทุ่งหัวช้าง บางส่วนได้ขับรถจักรยานยนต์หนีกลุ่มของพวกตนจึงได้ขับขี่รถไล่ติดตาม ขณะนั้นตนสังเกตเห็นชายคนขับขี่รถฮอนด้า PCX ได้วิ่งหลบหนีโดยลงไปบริเวณพงหญ้าข้างคันคลอง และต่อมาตนเห็นชายคนดังกล่าวลงไปในคลองชลประทานว่ายน้ำหนีจนทราบภายหลังว่าคือนายบอลและทราบว่าได้เสียชีวิตแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้นำภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณร้านข้าวมันไก่ ข้าวขาหมูโคราช หมู่ที่ 1 ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ ซึ่งสามารถบันทึกภาพในคืนวันที่ 27 ส.ค.2567 เวลาประมาณ 03.04 ขณะที่กลุ่มของคู่กรณีได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านในหมู่บ้านก่อนถึงจุดที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทประมาณ 100 เมตร ให้นายอัครพล หรือเอ๋ และ นายศุภวิชญ์ หรืออุ้ม ดูแล้วได้ให้การตรงกันว่า

รถจักรยานยนต์คันที่ 1 ได้แก่รถเวสป้า สีขาว ซึ่งตนทั้งสองเป็นผู้ขับขี่ (นายศุภวิชญ์ หรืออุ้ม เป็นผู้ขับขี่ และนายอัครพล หรือเอ๋ เป็นผู้ซ้อนท้าย)
รถจักรยานยนต์คันที่ 2 ได้แก่รถฮอนด้า PCX สีน้ำเงิน (นายอมตะ หรือตั้น เป็นผู้ขับขี่ นายอรรถพันธ์ หรือทิว เป็นผู้ซ้อนกลาง นายภาณุวิชญ์ หรือปั้น เป็นผู้ซ้อนท้าย)
รถจักรยานยนต์คันที่ 3 ได้แก่รถฮอนด้า PCX สีดำ (นายกอบฟ้า หรือน็อต เป็นผู้ขับขี่ และนายอภิรักษ์ หรือเกมส์เป็นผู้ซ้อนท้าย)
รถจักรยานยนต์คันที่ 4 ได้แก่ รถยามาฮ่าฟีลาโน่สีดำ (นายอิฐษรศักดิ์ หรือกล้าเป็นผู้ขับขี่ นายณปภัทร  หรือกัสเป็นผู้ซ้อนกลาง และ นายเสกสรร หรือเฟรม เป็นผู้ซ้อนท้าย)

จากนั้นได้นำภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยว บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ พบว่าหลังจากที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันแล้ว พบเห็นว่า นายศุภวิชญ์ หรืออุ้ม เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามกับกลุ่มผู้ถูกทำร้าย โดยได้ยืนยันภาพถ่ายไว้แล้ว ส่วนนายอัครพล หรือเอ๋ นายอรรถพันธ์ หรือทิว และ นายภาณุวิชญ์  หรือปั้น ยังอยู่บริเวณที่เกิดเหตุเนื่องจากรถจักรยานยนต์ฮอนด้า PCX สีน้ำเงินล้มในที่เกิดเหตุ และเป็นช่วงเวลาที่นายอัครพลฯ เห็นนายวีรลักษณ์ ว่ายน้ำหนีไปจากจุดเกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่รายชื่อกลุ่มที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน ประกอบด้วยกลุ่มผู้ถูกทำร้ายจำนวน 11 คน (กลุ่มผู้เสียชีวิต) และกลุ่มคู่กรณี จำนวน 10 คน ขณะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งตรงกับภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่พบบริเวณก่อนถึงที่เกิดเหตุ ทั้ง 2 เส้นทาง ซึ่งพบบุคคลที่มีรายชื่อตามข้างต้นขับขี่รถจักรยานยนต์และซ้อนท้ายกันมา ประกอบกับข้อมูลซักถามเหตุการณ์พอทราบโดยสังเขปว่าได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างไร ช่วงเวลาใด จึงเห็นควรส่งข้อมูลรายงานการสืบสวนให้ พงส.ผู้รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น