นิด้าโพล เผย คนไทยชอบลิเวอร์พูลมากกว่าแมนยู

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (2022-2023) และฟุตบอลไทยลีก 1 (2565-2566) ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-21 กรกฎาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,500 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาล 2022-2023 และฟุตบอลไทยลีก 1 ในฤดูกาล 2565-2566 การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย  (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงการติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 68.84 ระบุว่า ไม่ติดตาม ขณะที่ร้อยละ 31.16 ระบุว่า ติดตาม โดยผู้ที่ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (จำนวน 779 หน่วยตัวอย่าง) ร้อยละ 82.67 ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว และร้อยละ 17.33 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ ปี 2563 พบว่า ผู้ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในการสำรวจ ปี 2565 มีสัดส่วน ลดลง ขณะผู้ที่ไม่ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีสัดส่วน เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบความถี่ของผู้ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษกับผลการสำรวจ ปี 2563 พบว่า ผู้ติดตามเป็นครั้งคราว มีสัดส่วน เพิ่มขึ้น ขณะผู้ที่ติดตามสม่ำเสมอ มีสัดส่วน ลดลง

สำหรับทีมที่ชื่นชอบมากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาล 2022-2023 พบว่า ผู้ที่ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (จำนวน 779 หน่วยตัวอย่าง) ร้อยละ 31.32 ระบุว่า ทีมลิเวอร์พูล (Liverpool) รองลงมา ร้อยละ 30.42 ระบุว่า ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ร้อยละ 9.37 ระบุว่า ทีมเชลซี (Chelsea) ร้อยละ 3.85 ระบุว่า ทีมอาร์เซนอล (Arsenal) ร้อยละ 2.95 ระบุว่า
ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ร้อยละ 2.82 ระบุว่า ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) ร้อยละ 1.16 ระบุว่า ทีมฟูแลม (Fulham) ร้อยละ 2.83 ระบุว่า ทีมอื่น ๆ ได้แก่ ทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส (Wolverhampton Wanderers) ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด (West Ham United) ทีมท็อตแนม ฮอตสปอร์ส (Tottenham Hotspur) ทีมน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) ทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (Newcastle United) ทีมลีดส์ ยูไนเต็ด (Leeds United) ทีมเซาแทมป์ตัน (Southampton) ทีมเบรนท์ฟอร์ด (Brentford) และทีมแอสตัน วิลลา (Aston villa) และร้อยละ 15.28 ระบุว่า ไม่ชอบทีมใดเป็นพิเศษ

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ ปี 2563 พบว่า ผู้ที่ชื่นชอบทีมลิเวอร์พูล (Liverpool) และทีมอาร์เซนอล (Arsenal) มีสัดส่วน ลดลง ขณะผู้ที่ชื่นชอบทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ทีมเชลซี (Chelsea) ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) และทีมฟูแลม (Fulham) มีสัดส่วน เพิ่มขึ้น

เมื่อถามถึงการติดตามฟุตบอลไทยลีก 1 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 70.40 ระบุว่า ไม่ติดตาม ขณะที่ร้อยละ 29.60 ระบุว่า ติดตามโดยผู้ที่ติดตามฟุตบอลไทยลีก 1 (จำนวน 740 หน่วยตัวอย่าง) ร้อยละ 90.41 ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว และร้อยละ 9.59 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ ปี 2563 พบว่า ผู้ที่ติดตามฟุตบอลไทยลีก 1 ในการสำรวจปี 2565 มีสัดส่วน ลดลง ขณะผู้ที่ไม่ติดตาม มีสัดส่วน เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบความถี่ของผู้ติดตามฟุตบอลไทยลีก 1 กับผลการสำรวจ ปี 2563 พบว่า ผู้ติดตามเป็นครั้งคราว มีสัดส่วน เพิ่มขึ้น ขณะผู้ที่ติดตามสม่ำเสมอ มีสัดส่วน ลดลง

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงทีมที่ชื่นชอบมากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1 ในฤดูกาล 2565-2566 พบว่า ผู้ที่ติดตามฟุตบอลไทยลีก 1 (จำนวน 740 หน่วยตัวอย่าง) ร้อยละ 32.43 ระบุว่า ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รองลงมา ร้อยละ 11.49 ระบุว่า ทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด ร้อยละ 6.49 ระบุว่า ทีมการท่าเรือ เอฟซี ร้อยละ 4.73 ระบุว่า ทีมชลบุรี เอฟซี ร้อยละ 2.97 ระบุว่า ทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ร้อยละ 2.70 ระบุว่า ทีมนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ร้อยละ 2.16 ระบุว่า ทีมลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ร้อยละ 1.62 ระบุว่า ทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด ร้อยละ 4.19 ระบุว่า ทีมอื่น ๆ ได้แก่ ทีมราชบุรี มิตรผล เอฟซี ทีมหนองบัว พิชญ เอฟซี ทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมสุโขทัย เอฟซี ทีมพีที ประจวบ ทีมลำปาง เอฟซี ทีมลำพูน วอริเออร์ และทีมโปลิศ เทโร เอฟซี และร้อยละ 31.22 ระบุว่า ไม่ชอบทีมใดเป็นพิเศษ

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ ปี 2563 พบว่า ผู้ที่ชื่นชอบทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมการท่าเรือ เอฟซี และทีมลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด มีสัดส่วน ลดลง ขณะผู้ที่ชื่นชอบทีมชลบุรี เอฟซี ทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ด และทีมนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี มีสัดส่วน เพิ่มขึ้น

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.56 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 26.24 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑล และภาคกลาง ร้อยละ 17.92 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.48 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 13.80 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 48.28 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.72 เป็นเพศหญิง

ตัวอย่าง ร้อยละ 17.12 มีอายุ 15-25 ปี ร้อยละ 17.00 มีอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.28 มีอายุ 36-45 ปี ร้อยละ 25.40 มีอายุ 46-59 ปี และร้อยละ 22.20 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.28 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.80 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 0.56 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ และร้อยละ 0.36 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 36.60 สถานภาพโสด ร้อยละ 60.96 สมรสแล้ว ร้อยละ 2.16 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 0.28 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส

ตัวอย่าง ร้อยละ 26.72 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 34.92 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.48 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 25.76 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 3.64 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 0.48 ไม่ระบุการศึกษา 

ตัวอย่าง ร้อยละ 8.32 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 17.28 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชนร้อยละ 19.08 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 10.36 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 15.36 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.76 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 8.32 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 0.52 ไม่ระบุอาชีพ 

ตัวอย่าง ร้อยละ 26.04 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 20.92 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 26.20 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.08 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.40 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 4.04  มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.32 ไม่ระบุรายได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น