ยันไม่ได้เรียกรับเงินฝากรับราชการ

เชียงใหม่ เปิดใจหนุ่มถูกแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักนายกยืนยันไม่ได้เรียกรับเงินฝากรับราชการ

เปิดใจหนุ่มเจ้าของธุรกิจท่องเที่ยว อ.แม่วาง ที่ถูกแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักนายก ยืนยันไม่ได้เรียกรับเงินฝากเข้ารับราชการ ระบุเป็นการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน เนื่องจากตนได้ชวนคู่กรณี และเพื่อนคู่กรณีนำเงินมาลงทุนทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวโดยทำลักษณะตนทำสัญญากู้เงินจากคู่กรณี แต่ธุรกิจหยุดชะงักเนื่องจากพิษโควิด ทำให้ทีมงาน บางคนต้องการถอนตัวขอเงินลงทุนคืนจึงเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นเรื่องลุกลามเข้าใจผิด

จากกรณีที่ เพจอีซ้อขยี้ข่าว 2 ได้โพสต์ภาพบัตรเจ้าหน้าที่สำนักนายก พร้อมระบุข้อความ จ่ายแสนห้าเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ…หลังมีคนไปแอบอ้างหลอกชาวบ้านว่ามีความสนิทสนมกับนักการเมืองและเป็นที่ปรึกษาผู้ช่วยรัฐมนตรีอยู่ สามารถพาเข้าทำงานที่หน่วยงานของรัฐได้โดยบรรจุเป็นข้าราชการประจำแลกกับการจ่ายเงินจำนวน 150,000 บาท ซึ่งพอผู้เสียหายโอนเงินจนครบจะได้รับบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของสำนักนายกฯ จนผ่านไปหลายเดือนไม่มีการติดต่อมาถึงรู้ว่าถูกหลอก ตอนนี้มีผู้เสียหายเกือบ 10 รายบางครอบครัวต้องไปกู้ยืมเงินมาจ่าย บางคนต้องเอาที่ดินไปจำนอง อ.แม่แจ่ม เชียงใหม่

นายจอห์น นามสมมุติ อายุ 49 ปี เป็นชนเผ่า เจ้าของธุรกิจท่องเที่ยว อ.แม่วาง ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวเกิดที่เกิดขึ้นระบุว่าก่อนหน้านี้ตนได้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวแต่ประสบปัญหาช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด จึงชักชวนน้องๆที่เป็นชนเผ่าด้วยกันร่วมลงทุนธุรกิจการท่องเที่ยวด้วยกันเนื่องจากขาดสภาพคล่อง และทำสัญญาลักษณะให้ตนกู้ยืมเงิน 1.5 แสนบาททีมงานรวม 10 คน แต่พอหลังจากนั้นการท่องเที่ยวยังซบเซาอยู่เหมือนเดิมทำให้ไม่มีเงินเข้ามาในธุรกิจ จึงทำให้น้องๆทีมงานบางรายเกิดความไม่พอใจต้องการขอเงินที่ลงทุนคืน แต่ตนยังไม่มีเงินคืนให้และพยายามอธิบายให้ฟัง ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่พอใจตนก็เป็นได้

ส่วนกรณีที่ตนนั้นแอบอ้างว่าเป็นคณะทำงานสำนักนายก นั้นไม่เป็นความจริงและไม่มีการแอบอ้างรับฝากบรรจุเป็นข้าราชการประจำแลกกับการจ่ายเงินจำนวน 150,000 บาท อย่างที่เป็นข่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งความเป็นจริงตนเป็นเพียงอาสาสมัครการข่าวของหน่วยด้านข่าวกรอง หน่วยงานหนึ่งเท่านั้น มีหน้าที่แจ้งข่าวเรื่องสิ่งผิดกฎหมายให้กับต้นสังกัด ซึ่งขณะนี้ตนได้พ้นสภาพจากการเป็นอาสาสมัครมานานกว่า 2 ปีแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่มีอำนาจไปฝากงานให้กับใคร ส่วนประเด็นที่มีการอ้างว่าตนนำอาสาสมัครไปตั้งด่านรีดไถเงินนั้นก็ไม่มีความจริง จะมีเพียงบางครั้งที่ได้รับการร้องขอผู้นำชุมชนให้ไปร่วมตั้งด่านความมั่นคง ในพื้นที่ อ.แม่วางซึ่งมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอยู่

หลังจากเกิดประเด็นดราม่าขึ้นตนได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับน้องๆ ที่เป็นทีมงาน เพื่อปรับความเข้าใจ และทราบว่าเป็นความไม่พอใจของคนๆเดียว จึงทำให้เรื่องลุกลามเข้าใจผิดกัน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พ่อ แม่ ของน้องๆทั้ง 9 คนได้โทรศัพท์มาของโทษและพูดคุยปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยเหลือเพียงอีก 1 คนที่ยังติดต่อไม่ได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น