แม่ค้าตลาดริมเหนือสุดทน ถูกเก็บค่าเช่าแผงแพงหูฉี่

กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ตลาดริมเหนือสุดทน ถูกกลุ่มคนอ้างเป็นผู้ดำเนินการตลาด เรียกเก็บค่าเช่าแผงแพงหูฉี่ แถมบังคับเซ็นสัญญาเช่า หากไม่ทำจะถูกไล่ที่ รวมตัวร่อนหนังสือขอตรวจสอบความโปร่งใส หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการบริหารจัดการ

ช่วงสายวันนี้ (30 พ.ย.65) กลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้าตัวแทนจากตลาดลานค้าชุมชน ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จำนวนกว่า 50 คน ได้รวมตัวกันเดินทางมายังศาลากลาง จ.เชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม และผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ร้องเรียนขอความช่วยเหลือ และดำเนินการตรวจสอบ จากกรณีที่ทางกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า ภายในตลาดดังกล่าวไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการถูกบังคับเรียกเก็บค่าเช่าแผงค้าจากกลุ่มบุคคลที่ผู้อ้างว่าเป็นผู้ดูแลตลาดดังกล่าว โดยที่ทางกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า ไม่ได้ยินยอมแต่อย่างใด และบังคับเรียกเก็บเงินค่าเช่าแพงหูฉี่ ตารางเมตรละ 25 บาท/วัน อีกทั้งให้มีการเซ็นสัญญาเช่า โดยหากผู้ใดไม่เซ็นสัญญาภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2565 ก็จะบังคับให้ยกแผงร้านค้าออกไป และให้บุคคลอื่นที่ประสงค์จ่ายเงินเซ็นสัญญามาเช่าที่แทน ทั้งที่ก่อนหน้านี้บางรายขายของภายในตลาดดังกล่าวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี และบางรายขายของกับตลาดดังกล่าวมานานกว่า 20 ปี

โดยทางด้าน นายวินัย อายุ 59 ปี ตัวแทนกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า กลุ่มตัวแทนตลาดลานค้าชุมชน ต.ริมเหนือ เล่าว่า สืบเนื่องจากทางกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า ตลาดชุมชน ต.ริมเหนือ ซึ่งเป็นตลาดที่ได้รับช่วงมาจากทาง ทต.ริมเหนือ โดยทางเทศบาลฯ ได้มอบหมายให้กับทางกลุ่มชุมชนไปดำเนินการจัดการ แต่ต่อมาทาง นายสายัณ ผู้จัดการ หสม.ตลาดลานค้าชุมชน ต.ริมเหนือ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อจากเทศบาลฯ ให้มาดำเนินการจัดการ ได้เรียกให้ทาง พ่อค้า-แม่ค้า ที่ขายของในตลาด ไปเซ็นสัญญาเกี่ยวกับการเช่าแผง ที่ทางกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า มองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีการเรียกเก็บค่าเช่าตารางเมตรละ 25 บาท จากปกติอย่างร้านค้าของตน เคยเสียค่าเช่าอยู่ที่ 40 บาท แต่หากทำข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าว ตนจะต้องเสียค่าเช่าตารางเมตรละ 25 บาท/วัน โดยร้านของตนมีพื้นที่ประมาณ 4 เมตรกว่า เท่ากับว่าตนจะต้องเสียค่าเช่าวันละประมาณ 175 บาท/วัน ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเรียกเก็บค่าเช่าแผงที่เพิ่มขึ้นมามากจนเกินไป

นอกจากนี้ ยังมีหนังสือเร่งรัดมาติดตามแผงร้านค้าของ พ่อค้า-แม่ค้า ซึ่งเป็นหนังสือแจ้งเร่งรัดให้ทางกลุ่มทำการเซ็นสัญญาข้อตกลงดังกล่าว ภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2565 และหากไม่ดำเนินการเซ็นสัญญาก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ทำให้กลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า ได้รับความเดือดร้อนกันอย่างมาก จึงได้มีการรวมตัวกันเพื่อขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มก็ได้มายื่นหนังสือกับศูนย์ดำรงธรรมมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 20 พ.ย.65 ที่ผ่านมา และจะมาติดตามความคืบหน้าด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการดำเนินการไปถึงขั้นไหน เนื่องจากว่าหลังจากยื่นหนังสือไปแล้ว ก็ยังไม่ได้มีการแก้ไขแต่อย่างใด และยังคงถูกเรียกเก็บเช่นเดิม

นายวินัย บอกอีกว่า ความหวังของตนและกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ และสิ่งที่ต้องการที่สุดคือความชัดเจน และอยากรู้ว่าหากไม่ทำการเซ็นสัญญา ตามหนังสือที่มีการแจ้งบังคับให้เซ็นสัญญาดังกล่าว จะส่งผลกระทบอะไรต่อกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า และจะมีความผิดทางกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาทางกลุ่มผู้ค้าขายในตลาดนั้น ก็ไม่เคยมีการทำสัญญาในลักษณะเช่นนี้แต่อย่างใด นอกจากนี้ อยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบด้วยว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้มีความโปร่งใสหรือไม่ เพื่อความเป็นธรรมกับกลุ่มผู้ค้าในตลาดแห่งนี้ด้วย

ขณะที่ต่อมา ทางด้าน นายภัควัต ขันธหิรัญ นายอำเภอแม่ริม ได้เดินทางเข้ามาพูดคุยกับทางกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น โดยรับปากกับทางผู้ชุมนุมว่า จะดำเนินการตรวจสอบและหารือกับทางผู้เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง และจะเข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือภายใน 2 วัน ทำให้กลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า ที่มาชุมนุมในวันนี้คลายความกังวลไปได้บ้าง และได้แยกย้ายสลายการชุมนุมไปในที่สุด

โดย นายภัควัต ขันธหิรัญ นายอำเภอแม่ริม ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชนว่า ตลาดดังกล่าวตั้งมาได้ประมาณ 20 ปี ซึ่งพื้นที่ตรงจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ และมีโครงการที่นำตลาดร้านค้าชุมชนมากระตุ้นเศรษฐกิจ และให้ชาวบ้านในชุมชนเข้ามาค้าขาย แต่ต่อมากลายเป็นพื้นที่ตลาดถาวร ทำให้ต้องมีการเก็บค่าเช่าตามระเบียบของกรมธนารักษ์ และก่อนหน้านี้ก็ได้มีการดำเนินการฟ้องร้องกันมาหลายปี จนกระทั่งปีก่อนที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่ง ก็ได้มีการหารือกับทางเทศบาลฯ และให้ทางเทศบาลฯ ไปทำเรื่องเช่ากับกรมธนารักษ์ให้ถูกต้อง แล้วนำมาบริหารจัดการให้ถูกต้อง โดยหลังการดำเนินการกับทางธนารักษ์แล้ว ซึ่งก็มีการชำระเบี้ยปรับเป็นเงินหลายแสนบาท จนกระมั่งมีการดำเนินการกันมาจนเสร็จสิ้น แล้วทางเทศบาลฯ ได้รับมาบริหารจัดการเองในที่สุด

แต่ต่อมามีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการที่ข้อเท็จจริง จะต้องให้ทางกลุ่มชาวบ้านบริหารจัดการกันเอง แต่ปรากฎว่าทางเทศบาลฯ ได้ให้มีการเช่าช่วงไป ที่เข้าใจว่าผู้ที่เช่าช่วงไปนั้นเป็นกลุ่มของ พ่อค้า-แม่ค้า ในตลาดดังกล่าว และปรากฎว่ากลายเป็นบุคคลที่สามเข้ามาดำเนินการ ดังนั้นจึงต้องเข้าไปตรวจสอบต้นทุนการผลิตว่ามีความสอดคล้อง มีประโยชน์มากน้อยเพียงใด ส่วนในเรื่องของการเช่าสิทธิ์นั้น ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการให้ทางเทศบาลฯ ตกลงกับทางธนารักษ์เพื่อให้เทศบาลได้รับสิทธิ์ในการดูแลบริหารจัดการ แล้วจากนั้นทางเทศบาลฯ ก็จะได้มอบให้ทางกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า บริหารจัดการกันเอง แต่ปรากฎว่ามีบุคคลที่สามเข้ามาบริหารจัดการ ทำให้ต้องมีการตรวจสอบกับทางเทศบาลฯ อีกครั้งว่าทำไมเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น รวมถึงจะมีข้อกฎหมายใดที่จะช่วยดำเนินการได้ ซึ่งจะขอตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง

นายอำเภอแม่ริม บอกอีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะต้องมีทางออกที่ชัดเจน และทุกอย่างต้องโปร่งใส โดยหลังจากนี้จะต้องมีการเข้าไปทำการตรวจสอบที่มาที่ไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลประโยชน์ของคนในชุมชน เป็นพื้นที่เปิดให้ประชาชนได้มีพื้นที่ทำมาหากิน รวมถึงเป็นพื้นที่ของราชพัสดุ ไม่ใช่พื้นที่ของเอกชน โดยทางตนจะลงพื้นที่ไปแก้ไขพื้นที่อย่างเร่งด่วน แต่อาจจะต้องขอเวลาศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องภายใน 2 วัน หลังจากนั้นก็จะมีการเชิญทางกลุ่ม พ่อค้า-แม่ค้า และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือทางออกร่วมกันต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น