กรมอนามัย จับมือ วช. ใช้วิจัยเชิงรุก ยกระดับการแพทย์

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยในการเป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) “การพัฒนาวิจัยและนวัตกรรมด้านการแพทย์การสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ” ณ สโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค กรุงเทพมหานคร ว่า กรมอนามัยให้ความสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติที่กำหนดเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้มีความเชื่อมโยงกัน หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยมีเป้าหมายให้สำเร็จภายในปี 2573 ที่ระบุว่าประชาชนทุกคนจะสามารถเข้าถึงการสุขาภิบาลที่ถูกสุขลักษณะและเพียงพอ ยุติการขับถ่ายในที่โล่ง และใส่ใจเป็นพิเศษกับสิทธิของสตรี เด็กและผู้ด้อยโอกาสในการเข้าถึงการสุขาภิบาล ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้ ต้องอาศัยองค์ความรู้ทางการวิจัยและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้หน่วยงานสาธารณสุขของประเทศ เตรียมความพร้อมในการพัฒนาระบบด้านการแพทย์ การสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ยกระดับความเป็นเลิศทางวิชาการ พร้อมทั้งปรับปรุงแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ระดับนโยบาย แผนงาน แนวทางการปฏิบัติ รวมทั้งการออกกฎหมาย และข้อบัญญัติตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข
         
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า กรมอนามัยเป็นองค์กรหลักของประเทศในการอภิบาลระบบส่งเสริมสุขภาพและระบบอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อประชาชนสุขภาพดี รวมทั้งเป็นตัวแทนในการเคลื่อนไหวด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป อาจส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน สาธารณสุขต้องเตรียมความพร้อม และตั้งรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น ผ่านกระบวนการวิจัยควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม การลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกรมอนามัย กับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ จึงเป็นการพัฒนางานวิจัย และนวัตกรรมด้านการแพทย์การสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมให้สามารถนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ในการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพและการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน อีกทั้ง ยังช่วยให้กรมอนามัยมีข้อมูลและระบบฐานข้อมูลที่ทันสมัย เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาออกกฎระเบียบ กฎหมาย แผนงาน และนโยบายที่เหมาะสมกับประชาชนไทยทุกกลุ่มวัย ภายใต้อนามัยสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งในระดับท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์
         
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง  ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมสนับสนุนการใช้ฐานความรู้ทางการวิจัยและนวัตกรรมทั้งทางเทคโนโลยีและทางสังคม ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ ปัญหา และแนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้น ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในการพัฒนางานด้านสาธารณสุข และเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดทำแนวทาง กลไก มาตรการ และนโยบายสำหรับขับเคลื่อนประเทศ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในทุกระดับการพัฒนางานวิจัยยังช่วยตอบสนองกับปัญหาด้านการแพทย์การสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมทั้งในประเทศและนานาชาติอีกด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น