74350

ทิศทางราคาข้าวตลาดโลก ปี 2023 – 2024 มีความเสี่ยงพุ่งสูง?

ราคาข้าวในตลาดโลกยังมีความเสี่ยงพุ่งสูง? อินเดียสั่งงดส่งออกข้าวเพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพราคาข้าวให้กับคนในประเทศ แต่ก็ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงทำสถิติในรอบ 10 ปี ถ้ามองในแง่ดีบรรดากลุ่มผู้ส่งออกข้าว ซึ่งรวมถึงไทยด้วยน่าจะได้อานิสงส์ แต่ราคาที่พุ่งขึ้นคือภาระของคนในประเทศ และนักวิเคราะห์หลายคนออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่จะส่งผลต่อเงินเฟ้อทั่วโลกที่อาจจะพุ่งสูงขึ้นตามอีกระลอกเป็นไปได้ ปัจจุบันราคาข้าวในตลาดโลกผันผวนพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากอินเดียประกาศระงับการส่งออกข้าวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพียง 3 วัน หลังจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชรัสเซียล่ม รัฐบาลอินเดียก็เริ่มบังคับใช้คำสั่งห้ามส่งออกข้าว เพื่อรับมือกับปัญหาในประเทศ ทั้งราคาอาหารที่พุ่งสูง อัตราเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้นและความกังวลถึงผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนินโญ ที่อาจจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงในช่วงที่ตรงกับการเลือกตั้งพอดี  แต่การแก้ปัญหาในครั้งนี้ของอินเดียกลับยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารของโลกให้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก โดยราคาข้าวในตลาดโลกทะยานขึ้นสูงสุดในรอบมากกว่า 10 ปี ท่ามกลางความกังวลว่าข้าวในฐานะอาหารหลักของคนมากกว่าครึ่งโลกจะกลายเป็นโดมิโน่ตัวแรกที่ล้มก่อนที่ราคาอาหารประเภทอื่นๆ จะพุ่งสูงตามไปด้วยซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลไปถึงราคาพลังงานและค่าครองชีพในที่สุด  นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมาอินเดียในกระโดดแซงหน้าไทยและก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ข้อมูลจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟเอโอ(FAO) ชี้ว่า เมื่อปีที่แล้วอินเดียครองส่วนแบ่งการส่งออกข้าวมากถึง 40% ของทั้งโลกทิ้งห่างไทยที่เป็นอันดับ 2 เกือบ 3 เท่า ตามมาด้วย เวียดนามปากีสถาน และ สหรัฐฯ ข้าวจากอินเดียถูกส่งไปขายยัง 140 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นประเทศที่พึ่งพิงการนำเข้าข้าวอินเดีย อย่าง บังกลาเทศ เนปาล เบนินโตโกและมาลี ต้องรับแรงกระแทกจากนโยบายข้าวของอินเดียไปแบบเต็มๆแต่อาจจะมีทางออกอยู่บ้าง เพราะว่ารัฐบาลอินเดียยังเปิดโอกาสให้ชาติอื่นๆ สามารถเข้าไปขอเจรจาซื้อข้าวแบบจีทูจี(G2G) หรือว่ารัฐต่อรัฐได้ซึ่งหลายประเทศเริ่มมีติดต่อเข้าไปแล้ว แต่อินเดียไม่ใช่ผู้ส่งออกข้าวเจ้าเดียวที่ทำให้ตลาดโลกกังวล นั้นเพราะตอนนี้เมียนมากลายเป็นประเทศล่าสุดที่ออกมาประกาศระงับการส่งออกข้าวนาน 45 วัน เพื่อควบคุมราคาในประเทศ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้สิ้นเดือนนี้และแม้ว่าเมียนมาจะไม่ติด 5 อันดับแรกของประเทศผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน แต่หลายคนกังวลเขาว่าประเทศอื่นๆ อาจจะเคลื่อนไหวตามเมียนมา เพื่อชะลอผลกระทบในประเทศและเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่วนกลับมาเกิดอีกครั้งในรอบ 7 ปีก็เป็นไปได้ สถานการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2008 ตอนนั้น เวียดนาม เริ่มจำกัดการส่งออกข้าวตามมาด้วยอินเดีย กัมพูชา และอีกหลายประเทศ จนกลายเป็นวิกฤตข้าวโลกและทำให้ราคาข้าวพุ่งทะลุ 3 เท่าในเวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่สถานการณ์ในตอนนี้อาจย่ำแย่และต่างออกไป เพราะว่าวิกฤติโลกร้อนและสงครามรัสเซียยูเครน  เอฟเอโอ รวบรวมข้อมูลราคาส่งออกข้าวรายเดือนในหลายประเทศมาจัดทำเป็นดัชนีราคาข้าวในตลาดโลก พบว่านับตั้งแต่ สองยักษ์ใหญ่ผู้ส่งออกธัญพืชอย่างรัสเซียและยูเครนเปิดฉากทำสงครามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อทดแทนธัญพืชที่มีลดลงในตลาดโลก สถานการณ์ในปีนี้กระโดดขึ้นไปเลวร้ายกว่าเก่า โดยเฉพาะหลังจากอินเดียระงับส่งออกข้าวราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วหรือสูงที่สุดในรอบ 12 ปี และดูจากแนวโน้มในปัจจุบันนักวิเคราะห์บางส่วนบอกว่าสถานการณ์นี้อาจจะยังไม่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่อย่าพึ่งวิตกกังวลมากเกินไป เพราะว่าเกษตรกรและพ่อค้าในเวียดนามเองก็เล็งเห็นถึงโอกาสจากราคาส่งออกข้าวของประเทศที่ปรับตัวกระโดดขึ้นสูงถึง 35% ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 15 ปี ก็เลยหันมาเร่งปลูกข้าวเพื่อป้อนความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก แต่ในไทยยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องข้าวที่ราคาภายในประเทศนั้นตกต่ำลงจนเหลือไม่ถึง 10 บาท ขณะที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประเมินว่าในปีหน้าประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นๆ เช่น บราซิล ปากีสถาน และเวียดนาม น่าจะเพิ่มการส่งออกทดแทนส่วนต่างของข้าวอินเดียที่หายไป ส่วนปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้ามีการคาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวของทั้งโลกน่าจะเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยโดยเฉพาะในรัสเซีย ยูกันดา และสหรัฐอเมริกา ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ภาพรวมราคาอาหารในปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้วแม้ว่าจะเจอคำสั่งห้ามส่งออกข้าวของอินเดียก็ตาม เพราะว่าผลผลิตข้าวรวมไปถึงธัญพืชอื่นๆ น่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ เพราะสภาพอากาศไม่เลวร้ายมากอย่างที่คิด   ท้ายที่สุดแล้วฟ้าฝนเกิดไม่เป็นใจขึ้นมาหรือว่าปรากฏการณ์เอลนีโญเองก็มีผลกระทบที่ร้ายแรงมากขึ้นก็ต้องมาประเมินสถานการณ์กันใหม่ เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ อ่านข่าวเพิ่มเติม : ชาวนาเจียงใหม่น้ำตาตกขายข้าวนึ่งได้กิโล 9 บาท…

ชาวนาเจียงใหม่น้ำตาตกขายข้าวนึ่งได้กิโล 9 บาท…

ชาวนาหลายอำเภอในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ยื่นเรื่องเจรจากับนายวีรพงษ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากราคาข้าวเหนียวสันป่าตองส่งขายได้แค่กิโลกรัมละ 9 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 14 บาท ด้านอธิบดีกรมการค้าภายในบอกว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและกำชับให้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เบื้องต้นได้มีการเปิดจุดรับซื้อใน 7 จังหวัดได้แก่ เชียงราย, เชียงใหม่, แพร่, น่าน, พะเยา, ลำพูน, ลำปาง จำนวน 16 จุด พร้อมกับประสานสหกรณ์โรงสีและผู้รับซื้อจากนอกพื้นที่ให้ช่วยซื้อ โดยช่วยค่าบริการการจัดการค่าขนส่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถพยุงราคาข้าวเปลือกเหนียวใหม่ได้ ส่วนมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ กรมการค้าภายในจะทำแผนเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ให้กรมบังคับภายในการเปิดจุดรับซื้อถ้ามีความจำเป็นก็พร้อมที่จะเชื่อมโยงผู้ซื้อในต่างจังหวัดเข้ามาเพิ่มเติม เช่น ชัยนาท, พิจิตรและสิงห์บุรี ราคาข้าวเปลือกเหนียวในตอนนี้ทางอธิบดีกรมการค้าภายในบอกว่ายังถือว่าไม่ต่ำกว่าช่วงปีที่ผ่านมาและจากการลงพื้นที่ติดตามการเปิดจุดรับซื้อข้าวเหนียวพบว่าชาวนานั้นเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกเหนียวปี 2566 – 2567 ออกสู่ตลาดผลผลิตข้าวเหนียวในภาพรวมปีนี้มีอยู่ 5.85 ล้านตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 4% แต่ผลผลิตกระจุกตัวในช่วง ตุลาคม – ธันวาคม มากถึง 80%  ถ้าดูแล้วในภาพรวมทางภาคเหนือก็จะมีผลผลิต 1.46 ล้านตันมากที่สุดคือ เชียงราย 0.43 ล้านตันเชียงใหม่ 0.20 ล้านตัน ส่วนสถานการณ์ด้านราคาปีนี้ถือว่าข้าวเปลือกเหนียวที่เกษตรกรได้รับอยู่ในเกณฑ์ดีมาตลอด เฉลี่ยปีนี้ราคาข้าวเปลือกเหนียวแห้ง 12,800 บาทต่อตัน เดือนกันยายนสูงถึง 15,300 บาทต่อตัน แต่จากการที่ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วงนี้ทำให้ราคามีแนวโน้มเริ่มต่ำลง ข้าวเปลือกเกี่ยวสดอยู่ที่ 9,300 บาท ถึง 9,500 บาทตามคุณภาพข้าวที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวแต่ก็ยืนยันว่ายังไม่ใช่ราคาที่ถือว่าต่ำกว่าปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตองที่ครบกำหนดอายุเก็บเกี่ยวจนเหลืองอร่ามครบกำหนดอายุที่ต้องเก็บเกี่ยวเต็มทุ่งนา ส่งผลให้ชาวนาในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตประเด็นหลัก คือ ราคาไม่แน่นอนไม่สามารถคำนวณราคาต้นทุนการผลิตได้ นั้นทำให้กลุ่มชาวนา จังหวัดเชียงใหม่ พยายามเรียกร้องขอให้กรมการค้าภายในและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องช่วยมาแก้ไข ขณะที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ใช้พื้นที่สหกรณ์การเกษตรแม่ริมเป็น หนึ่ง ใน 3 จุดรับซื้อข้าวเหนียวสันป่าตองจากเกษตรกรแต่ก็ไม่สามารถช่วยเกษตรกรได้มากนัก เนื่องจากราคารับซื้อยังต้องอิงกับโรงสีตามกลไกตลาด จากการลงพื้นที่พบว่าชาวนาในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตองเนื่องจากเกรงว่าราคาข้าวจะตกลงไปมากกว่าตอนนี้  ชาวนาบอกว่าสาเหตุที่ต้องเร่งเก็บเกี่ยวเนื่องจากไม่มั่นใจเรื่องราคา ถ้าราคาถูกกว่านี้จะยิ่งขาดทุนและข้าวก็ถึงเวลาที่จะต้องเก็บเกี่ยวแล้วถ้าเกี่ยวช้ากว่านี้ก็จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพ สภาพอากาศที่แปรปรวนหากเกิดฝนตกลงมาอีกก็จะยิ่งทำให้ผลผลิตเสียหาย ประเด็นหลักคือราคาไม่แน่นอน เราไม่สามารถคำนวณราคาหรือพยุงราคาหรือประวิงราคาไม่ให้ขึ้นลงได้มันอยู่ที่นายทุนทั้งนั้นอีกอย่างก็คือระยะเวลาเก็บเกี่ยวต้องเกี่ยว […]

เมียนมาส่งออก ‘ข้าว’ ทะลุ 1 ล้านตัน ใน 9 เดือน

ย่างกุ้ง, 4 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (3 ม.ค.) สหพันธ์ข้าวแห่งเมียนมา รายงานว่ายอดส่งออกข้าวของประเทศ ช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2022-2023 ซึ่งเริ่มต้นเดือนเมษายนปีก่อน พุ่งสูงเกิน 1 ล้านตันรายงานระบุว่ายอดส่งออกข้าวของเมียนมา ช่วงเดือนตุลาคม อยู่ที่ 136,206 ตัน ช่วงเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 179,853 ตัน และช่วงเดือนธันวาคม อยู่ที่ 148,127 ตัน โดยช่วง 9 เดือนแรกข้างต้น เมียนมาส่งออกข้าวหักมากกว่า 630,915 ตัน ขณะยอดส่งออกข้าวและข้าวหัก ช่วงเดือนธันวาคม อยู่ที่ 228,445 ตัน ซึ่งลดลงจาก 301,033.91 ตัน ในช่วงปีก่อน อนึ่ง เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักส่วนใหญ่ทางทะเลระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ประเทศในสหภาพยุโรป อินโดนีเซีย บังกลาเทศ […]

The Rice Taste ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา

The Rice Taste ศิลป์ในการปรุง ศาสตร์แห่งการทาน ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา วันอังคารที่ 27 ธันวาคม 2565 เวลา 16.30 น.- 17.30 น. สมาคมนิเวศนวัตกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ Chiangmai Gastronomy Tourism จัดตั้ง The RiceHouse เพื่อนำเสนอและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับอาหาร และวัตถุดิบข้าวแห่งล้านนา การให้บริการความรู้เพลิดเพลินแก่ผู้เข้าเยี่ยมชม ภายในงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม ประจำปี พ.ศ.2566 จัดกิจกรรม The Rice Taste ศิลป์ในการปรุงศาสตร์แห่งการทาน เพื่อร่วมเก็บเกี่ยวองค์ความรู้และประสบการณ์ The Rice Journey อนาคตข้าวไทย ต้อนรับผู้เข้าร่วมงานโดย “ชา” คุณภาพจากยอดดอยปู่หมื่นอำเภอฝาง โดยได้รับเกียรติจาก นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย ในจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน นายอุดม ชิดนายี […]

ไทยเสียแชมป์ข้าวโลก ให้กัมพูชา 1 คะแนน จากกลิ่นหลังหุง

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก ปี 65 (The World’s Best Rice 2022) ระหว่างการประชุมข้าวโลก ที่จังหวัดภูเก็ต นั้น ข้าวหอมมะลิผกาลำดวนจากกัมพูชา คว้ารางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลกไปครอง ส่วนข้าวหอมมะลิไทยเสียแชมป์ ได้เป็นอันดับ 2 “ น่าเสียดายว่า ข้าวหอมมะลิไทยแพ้ข้าวหอมผกาลำดวนกัมพูชา เป็นการแพ้แบบสูสีมาก ห่างกันเพียง 1 คะแนน จากการสอบถามกรรมการตัดสิน ซึ่งเป็นเชฟใหญ่จากสหรัฐฯบอกว่า แพ้กันที่กลิ่น หลังการหุงแล้ว ข้าวผกาลำดวนกลิ่นหอมมาก แต่ข้าวหอมมะลิไทยกลิ่นอ่อนมาก” ดังนั้น การเสียแชมป์ครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ไทยควรปรับปรุงพันธุ์ข้าวเก่าให้ดีขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแข่งขันกับข้าวหอมของเพื่อนบ้านได้ เพราะหลายปีมานี้ ทั้งเวียดนาม เมียนมา กัมพูชา ลาว พัฒนาพันธุ์ข้าวหอมให้มีคุณภาพดีขึ้นมาก และสามารถแข่งขันกับข้าวหอมมะลิของไทยได้

จีนทำสำเร็จ! ปลูกข้าวลูกผสมยักษ์ สูงเกือบ 2 เมตร

13 ก.ย. 65 ซินหัว รายงาน “ข้าวลูกผสมยักษ์” ที่หมู่บ้านตงไปจวง เทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีน อยู่ในระยะการสะสมน้ำหนักเมล็ด (grain-filling) ขั้นสุดท้ายแล้ว หลังจากเริ่มนำมาทดลองปลูกบนนาต้นแบบขนาด 100 หมู่ (ราว 41 ไร่) เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม และคาดว่าจะพร้อมเก็บเกี่ยวช่วงเดือนตุลาคมนี้ ภูมิภาคตอนเหนือของจีนไม่เคยเพาะปลูกข้าวลูกผสมยักษ์มาก่อน แม้หลายเมืองทางตอนใต้จะประสบความสำเร็จในการปลูกข้าวสายพันธุ์เดียวกันนี้ก็ตาม ทั้งนี้ ข้าวลูกผสมยักษ์อาจเจริญเติบโตจนมีความสูง 1.8-2.2 เมตร และให้ผลผลิตสูง ทนแล้ง รวมทั้งต้านทานโรคและน้ำขังได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับข้าวลูกผสมทั่วไป