179

ราคาทองคำและเงินบาทประจำ วันศุกร์ ที่ 15 กันยายน 2566

ราคาทองคำสปอตปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ลงไปทดสอบแนวรับ 1,900 ดอลลาร์  เมื่อคืนข้อมูลเฟคอเมริกาออกมาแข็งแกร่งทุกตัวเลยทำให้เงินดอลลาร์เมื่อคืนแข็งค่าขึ้นอย่างมากดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบปลายปีมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% ยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคมขยายตัว 0.6% มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะออกมา 0.1% จำนวนผู้ขอว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 220,000 รายแต่ว่าก็ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เยอะ ตลาดคาดการณ์ว่าจะออกมา 226,000 สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯยังแข็งแกร่งอยู่ ข้อมูลที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่าความเสี่ยงที่จะสู่ภาวะถดถอยน่าจะเริ่มลดน้อยลงเราก็อาจจะเป็นลักษณะคือซอฟแพลนนิ่งขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง ราคาทองคำสปอตปิดตลาดเมื่อคืน 1,900 ดอลลาร์เพิ่มขึ้น 1.8 ดอลลาร์ ส่วนกองทุน SPDR ขายทองคำออกมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จำนวน 2.31 ตัน สำหรับวันนี้ช่วงเช้าจีนจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาเดือนสิงหาคม การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีกตลาดประเมินว่าจะขยายตัวดีขึ้น ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.4% จะเท่ากับเดือนก่อน  ซึ่งถ้าเกิดตัวเลขออกมาดีสิ่งหนึ่งที่ตามมาก็คือความต้องการทองคำจากจีนก็น่าจะเพิ่มขึ้น ตรงนี้มองว่าเป็นปัจจัยหนุนทองคำได้ ส่วนของฝั่งสหรัฐฯคืนนี้จะประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ 3 ตัว  1.ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนกันยายน ตลาดคาดการณ์ว่าจะติดลบ 9.5 ดีขึ้น เพราะว่าเดือนก่อนติดลบไป 19  2. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคมน่าจะออกมาไม่ดีขยายตัวเพียง 0.2%  3. […]

22 ปี ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่ม กระทบประเทศไทยในเวลานั้นอย่างไร?

ช่วงค่ำของวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ขณะที่หลายคนในบ้านเราต่างกำลังเดินทางกลับบ้าน หรือเปิดโทรทัศน์กินข้าวเย็น ก่อนที่โทรทัศน์และวิทยุทุกช่องตัดเข้าข่าวด่วน เพื่อรายงานวินาศกรรมที่ช็อกคนทั้งโลก เมื่อกลุ่มก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสาร พุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ใจกลางมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้า ตามเวลาท้องถิ่น ภาพเครื่องบินพุ่งชน และภาพอาคารสูงเสียดฟ้าพังถล่มลงมา ฝังอยู่ในความทรงจำของทุกคนที่ทันดูการรายงานข่าวในวันนั้น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 2,606  คน ซึ่งในจำนวนนี้มีคนไทยเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย 2 ราย มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น สูงถึง 123,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากจะสั่นสะเทือนการเมืองโลกจนถึงปัจจุบันแล้ว ในส่วนของภาคเศรษฐกิจและการเงิน ยังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากการก่อการร้ายครั้งนี้ จากรายงานเศรษฐกิจและการเงินประจำปี พ.ศ. 2544 โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รายงานว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนั้น การขยายตัวชะลอตัวลงจากร้อยละ 4.7 ในปี พ.ศ. 2543 เหลือเพียงร้อยละ  2.4 ในปี พ.ศ. 2544 อันเนื่องมาจากการหดตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา หลังวินาศกรรม 11 กันยายน ภาวะที่เกิดขึ้นกระทบต่อเศรษฐกิจไทย […]

ราคาทองและเงินบาท ประจำ วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566

วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566 ราคาทองคำสปอตเมื่อวานเคลื่อนไหวกรอบแคบ 1,915 –  1,923 ดอลลาร์ ปิดตลาดเมื่อคืน 1,919 ดอลลาร์เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองคำในช่วงระหว่างวัน จีนเปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือนสิงหาคม หดตัวลง 8.8 % ถือว่ายังแย่อยู่ แต่ว่าก็ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะหดตัวลง 9.8% ส่วนตัวเลขนำเข้าเดือนสิงหาคม หดตัว 7.3% น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะหดตัว 8.8% ตรงนี้ก็มีปัจจัยที่หนุนราคาทองคำได้บ้าง ช่วงกลางคืนทองคำมีแรงเทขายออกมาหลังจากที่สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอการว่างงานลดลง13000 รายเป็น 216,000 ราย ตัวเลขตรงนี้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เยอะทีเดียวตลาดคาดการณ์เอาไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 232,000 ตำแหน่ง ตรงนี้สะท้อนให้เห็นตลาดแรงงานของสหรัฐยังมีความแข็งแกร่ง ดอลลาร์เลยแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วก็เป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ ส่วนกองทุนเอสพีดีอาร์(SPDR)เมื่อวานถึงครองทองเท่าเดิมหลังจากที่ขายทองคำติดต่อกันมา 2 วัน คืนนี้ติดตามการแถลงของ นายไมเคิล เอส บาร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ ว่าจะมีการพูดถึงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือไม่ ว่าจะขึ้นต่อหรือว่าจะชะลอ ยังไม่ขึ้น ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะอย่างไร ที่แน่ๆ คือมีผลกับราคาทองคำอย่างแน่นอน แนวโน้มราคาทองคำทางด้านเทคนิคคาดว่าจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ เคลื่อนไหวในกรอบแคบไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ โดยพื้นฐานเองก็ยังคงขาดปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามา ในส่วนของราคาทองคำวันนี้  […]

ไขความลับ ร้านบุฟเฟต์ชาบู-หมูกระทะ

ในหนึ่งมื้อสามารถใส่อาหารลงไปได้มากที่สุดหนึ่งกิโลกรัม เพราะฉะนั้นหนึ่งกิโลตรงมันจะเป็นเบสในการคำนวนของท่านของคนที่บุฟเฟ่ต์ หมูสามชั้น 1 กิโล 178 บาท กำไรไหมคิดดู…. ฉลองกันหน่อยแน่นอนสิ่งแรกที่คนไทยชอบไป คือ บุฟเฟ่ต์ หมูกะทะ หรือ ชาบู เราจะเห็นว่าในปัจจุบันมีร้านอยู่ 2 ประเภท คือ ราคาบุฟเฟ่ต์ และ สั่งเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น  บุฟเฟ่ต์ คือ การกินไม่อั้นตามราคาที่เราจ่าย ตามแต่ความสามารถของผู้บริโภคว่าจะทานได้มากน้อยแค่ไหน กินอะไรก็ได้  ที่นี่เรามามองในมุมมองของผู้ประกอบการ สมมติว่าเจอคนกินจุๆ เยอะๆ เขาจะคำนวณต้นทุนกันอย่างไร ตั้งราคายังไง เพราะว่านี่คือหนึ่งในธุรกิจที่คำนวณต้นทุนยากที่สุด สังเกตุไหมว่าเวลาไปร้านบุฟเฟ่ต์นั้นมีอาหารที่วางไว้บริการอยู่หลากหลาย เช่น เนื้อสัตว์ บะหมี่หยก ของทอด และบางทีก็มีน้ำซุปให้เลือก มันจึงเกิดคำถามว่า “ใน 1 มื้อกระเพาะอาหารของคนเราสามารถจุอาหารไว้ได้มากที่สุดกี่กิโล ?”  หรือ 1 มื้อ จุได้เท่าไหร่ กระเพาะอาหารของคนเรา 1 มื้อ จุได้ 200 – 250  กรัม […]

แนวโน้มราคาทองคำและค่าเงินบาท 4 กันยายน 2566

วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2566 ทองคำยังคงเดินหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง ทำจุดสูงสุดในรอบหนึ่งเดือนแตะที่ 1,952 ดอลลาร์ ปัจจัยหนุนมาจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ข้อมูลเศรษฐกิจอเมริกาสัปดาห์ที่แล้วหลายตัวออกมาอ่อนแอ  GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 2.1 % น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้และน้อยกว่าประมาณการครั้งก่อนด้วยที่แข็งตัว 2.4%  ในส่วนของการจ้างงานภาคเอกชน SDP เดือนสิงหาคม ประกาศออกมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมาออกมาเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เช่นเดียวกัน แต่ว่าอัตราเงินเฟ้อ ดัชนี PCE พื้นฐานของสหรัฐ เดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 4.2 % เท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ถึงแม้ว่าจะเร่งตัวสูงขึ้น เพราะว่าเดือนมิถุนายน 4.1%  แต่ว่าตลาดก็ยังมีความสบายใจว่าไม่ได้ออกมาเพิ่มขึ้นมากกว่าที่อาจคาดการณ์ไว้ วันศุกร์ราคาทองคำเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน ส่วนหนึ่งตามตัวเลขการจ้างงาน การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งซึ่งออกมาดี เพราะว่ามากกว่าตลาดคาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่ง แต่ว่าตัวเลขที่ขัดแย้งกันก็คืออัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 38% ออกมามากกว่าที่จะตลาดคาดการณ์ว่าจะออกมาทรงตัวที่ 3.5% ทองคำก็ถือว่าไม่ปรับตัวลงมาก แต่ว่าประเด็นที่ทำให้ทองลงมากน่าจะเป็นเรื่องของดัชนี ISM ภาคการผลิต เดือน สิงหาคม ที่ออกมาถือว่าแข็งแกร่ง ออกมาเพิ่มขึ้น […]

ออมเงินแค่ไหน ถึงจะสบายในวัยเกษียณ

ข่าวปรับเกณฑ์แจก “เบี้ยผู้สูงอายุ” สร้างความตกใจให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง และทำให้หลายคน ที่แม้จะอยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือ วัยทำงาน เริ่มมีความคิดที่จะออมเงินเพื่อใช้จ่ายในวัยเกษียณแล้ว แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า จะต้องออมเงินยังไง และต้องออมมากแค่ไหน เพื่อที่สามารถใช้ชีวิตในวัยชรา ซึ่งวันนี้ Chiang Mai Move จะมาเล่าให้ฟัง ข้อมูลจาก Supalai เปิดเผยว่า หากเราต้องการจะเกษียณในวัย 60  ปี และคาดว่าจะมีอายุยาวไปจนถึงอายุ 80 ปี เราจะต้องออมเงินให้ได้ก่อนเกษียณดังนี้ เงินเก็บ 3,600,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 15,000 บาท ซึ่งอยู่ในระดับที่พออยู่ได้ ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล3,500 บาท ค่าอาหาร 5,000 บาท ค่าสาธารณูปโภค 1,500 บาท ค่าของใช้ส่วนตัว 1,000 บาท ค่ากิจกรรมต่างๆ1,000 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับท่องเที่ยว 3,000 บาท เงินเก็บ 7,200,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 30,000 บาท ซึ่งอยู่ในระดับที่อยู่สบาย ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล5,000 บาท ค่าอาหาร 10,000 บาท ค่าสาธารณูปโภค 3,000 บาท ค่าของใช้ส่วนตัว 3,500 บาท ค่ากิจกรรมต่างๆ3,500 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับท่องเที่ยว 5,000 บาท เงินเก็บ 14,400,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 60,000 บาท ซึ่งอยู่ในระดับที่หรูรา ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล8,000 บาท ค่าอาหาร 12,000 บาท ค่าสาธารณูปโภค 4,000 บาท ค่าของใช้ส่วนตัว 5,000 บาท ค่ากิจกรรมต่างๆ6,000 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับท่องเที่ยว 10,000 บาท ค่าจ้างคนดูแล 15,000 บาท เมื่อทราบข้อมูลแล้ว เราก็เตรียมเลือกแผนการออมเงินในวัยเกษียณ  ซึ่งการออมเงินมีหลายประเภทให้เราเลือก อาทิการออมหุ้น ออมการลงทุน เปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคาร ประกันบำนาญ หรือออมเงินผ่านกองทุนวัยเกษียณต่าง ๆ  โดยสำหรับกองทุนวัยเกษียณ มีดังนี้ กองทุนประกันสังคมเพื่อชราภาพ เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนประกันสังคม ที่ให้ความคุ้มครอง 7 กรณีดังนี้คือ สำหรับเงินบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตนที่ส่งเงินเข้ากองทุนน้อยกว่า 180 เดือนจะได้รับเงินก้อนครั้งเดียวเมื่ออายุครบ55 ปี ส่วนผู้ที่ส่งเงินเข้ากองทุนไม่น้อยกว่า 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญรายเดือนตลอดชีพ  ซึ่งหากผู้รับบำนาญเสียชีวิตภายใน 60 นับจากเดือนที่ได้รับสิทธิ์ จะได้รับบำนาญชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินรายเดือนที่/ด้รับเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต โดยการออมแบบนี้จะเหมาะกับพนักงานเอกชน นอกจากนี้ยังมี กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ล้ายกับกองทุนชราภาพจากประกันสังคม และการันตีเงินบำนาญให้สมาชิกเมื่อออมได้ตามเงื่อนไข โดยเฉพาะคนที่มีอายุ 15-60 ปี เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือแรงงานนอกระบบ (ฟรีแลนซ์) การออมเงินกับ กอช. ถือว่าตอบโจทย์มากที่สุด เพราะสมาชิกสามารถเลือกออมได้โดยสมัครใจ เมื่อครบอายุ60 ปี ก็จะจ่ายเงินแบบบำนาญรายเดือนเท่านั้น ที่สำคัญเรามีสิทธิได้รับเงินสมทบจากภาครัฐบาลตามขั้นอายุ ยิ่งอายุมากรัฐก็จะช่วยสมทบให้มากขึ้นสูงสุด 80% ไม่เกิน 960 บาทต่อปี  และสุดท้าย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. เป็นการออมเกษียณภาคบังคับสำหรับข้าราชการในประเทศไทยโดยสมาชิกต้องสะสมเงินอย่างน้อย 3% ของเงินเดือนและสามารถสะสมเพิ่มได้อีกสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินเดือน และรัฐบาลจะให้เพิ่มอัตรา 3%   เมื่อเราทราบถึงแผนการออม และเป้าหมายเงินที่เราต้องสะสมสำหรับการใช้จ่ายในวัยเกษียณแล้ว ก็เตรียมออมเงินพร้อมถึงปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย และรักษาวินัยทางการเงิน เพื่อที่จะสามารถบรรลุเป้าหมาย ในการออมทรัพย์เพื่อการใ้ชจ่ายในวัยชราได้ ที่มา : Info Portal , Thairath Money

เปิดประวัติขุนคลัง “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” รมช. กระทรวงการคลัง

เปิดประวัติขุนคลัง “กฤษฎา จีนะวิจารณะ”รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (โควตาคนนอก) . กฤษฎา จีนะวิจารณะ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี – นิติศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และระดับปริญญาโท – บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย New Haven สหรัฐอเมริกา.ทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังกว่า 30 ปีดำรงตำแหน่งอธิบดีและผู้อำนวยการหลากหลายกรม.อาทิ ▪️อธิบดีกรมศุลกากร▪️อธิบดีกรมสรรพสามิต▪️ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง▪️ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง.ก่อนเติบโตตามชีวิตข้าราชการ สู่ ‘ปลัดกระทรวงการคลัง’.นอกจากนั้นยังเป็นประธานกรรมการ▪️บริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ​กรรมการ▪️บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), กรรมการ▪️บริษัท ท่าอากาศยาน จำกัด (มหาชน),▪️และกรรมการ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)​.เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาได้ยื่นใบลาออกจากปลัดกระทรวงการคลังเพื่อเข้ารับตำแหน่ง ‘รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง’ ใน ครม. นายเศรษฐา 1 ที่ทั้งคู่พึ่งเข้าหารือนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่่ผ่านมา.เป็นที่หาจับตาว่า..ปกติแล้ว […]

เชียงใหม่ชิงเจ้าภาพประชุมระดับโลกโกยเงินร้อยล้านบาทเข้าจังหวัด

จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว จากทั่วโลกแล้ว ยังถือเป็นเมืองแห่งสินค้าหัตถกรรมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และในช่วงปลายปีนี้ เชียงใหม่ จะร่วมชิงการเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับโลก เพื่อตอกย้ำความเป็นเมืองสร้างสรรค์ระดับนานาชาติ พร้อมกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ กว่า 125 ล้านบาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2566 ได้รายงานถึงผลการเสนอเมืองเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุม ประจำปี ของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก ประจำปี พ.ศ. 2568 (UCCN ANNUAL CONFERENCE 2025) ณ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ประเทศไทยยื่นประมูลสิทธิ์เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 17 ในปี พ.ศ. 2568 (UCCN Annual Conference 2025) ณ จังหวัดเชียงใหม่ ต่อองค์การยูเนสโก และได้มีการจัดงานแถลงข่าวการยื่นประมูลสิทธิ์ฯดังกล่าวภายใต้แนวคิด “Enhancing Multicultural Transformation” เชื่อมอดีตสู่ปัจจุบัน สร้างนวัตกรรมเพื่อการต่อยอดไปนั้น ขณะนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้รับแจ้งจาก สำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ว่า สำหรับเมืองที่จะได้รับการเสนอเป็นเจ้าภาพพร้อมกับของไทย ประกอบด้วย 6 เมือง คือ เมืองเคดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย , เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี , เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ , เกเรตาโร ประเทศเม็กซิโก , อิสฟาฮาน ประเทศอิหร่าน และเชียงใหม่ ประเทศไทย ซึ่งจะมีการคัดเลือกกันในที่ประชุมประจำปีของเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 15 ในปี พ.ศ. 2566 วาระการเสนอเมืองเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีครั้งที่ 17 ในปี พ.ศ. 2568 โดยองค์การยูเนสโกจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ ช่วงปลายปี 2566 นี้ นายอิทธิพล กล่าวอีกว่า สำหรับการเตรียมการดังกล่าวมีกระทรวงวัฒนธรรม จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก และพร้อมผลักดันเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 เมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองสร้างสรรค์ของประเทศไทย สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts and Folk Art) ร่วมกับภูเก็ต (สาขาอาหาร) กรุงเทพมหานคร (สาขาการออกแบบ) สุโขทัย (สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน) และเพชรบุรี (สาขาอาหาร) อีกทั้งเป็น ‘นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม’ พร้อมด้วยศักยภาพ มีความคาดหวังที่จะเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมเชื่อมโยงและแบ่งปันแรงบันดาลใจ (Sharing) อาทิ การเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการประชุมเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ สร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ และการสร้างเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนความสร้างสรรค์ที่ไม่มีสิ้นสุด นำไปสู่การสร้างความสุขด้วยแนวคิดเมืองมีชีวิต เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ นอกเหนือการขับเคลื่อนการเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโกของประเทศไทย และการประชาสัมพันธ์ศักยภาพของประเทศไทยสู่เวทีโลก ยังมีการคาดการณ์ว่าหากเชียงใหม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้กว่า 125.86 ล้านบาท และเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้าถึงการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อันเกิดจากการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก รวมถึงยังสอดคล้องกับพันธกิจของกระทรวงวัฒนธรรมที่ต้องการเผยแพร่งานด้านศิลปวัฒนธรรมของไทย พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์กับต่างประเทศผ่านมิติทางวัฒนธรรมอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว หากจังหวัดเชียงใหม่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพการประชุม ในปี พ.ศ. 2568 นอกจากจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ จากรายได้ที่จะไหลเข้ามาในพื้นที่ ช่วงจัดการประชุมแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลทางด้านอุตสาหกรรมส้รางสรรค์ระหว่างท้องถิ่นกับนานาชาติอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลดีทางในการเสริมสร้างศักยภาพภูมิปัญญาพื้นบ้านล้านนาของเราอีกด้วย ที่มา : ทำเนียบรัฐบาล

พักหนี้ 3 ปี ทั้งต้น ทั้งดอก ช่วยปี้น้องเกษตรกรไทยได้หรือไม่?

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ประเทศไทยกำลังจะมีรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหาร ทำให้หลายฝ่ายต่างจับตารอดูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะ “นโยบายพักหนี้เกษตรกร” ที่พี่น้องชาวไร่ชาวนาให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะที่ทางธนาคารได้เตรียมพร้อมในการรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดของลูกหนี้ทุกกลุ่ม และได้รับการประสานงานกับทางกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อย แต่จะต้องรอรายละเอียดนโยบาย ภายหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอีกที ด้วยแนวคิดนโยบายที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายแก่เกษตรกร ด้วยการพักหนี้ทั้งต้น ทั้งดอก เป็นระยะเวลา 3 ปี ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์หลายท่าน มองว่า นโยบายนี้อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากเท่าใดนัก  จากงานศึกษาเชิงประจักษ์ โดย 101 Pub สำนักข่าว 101 world โดยอ้างอิงข้อมูลปริมาณสินเชื่อของเกษตรกรในธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) พบว่า หากรัฐต้องการพักหนี้และช่วยเหลือภาระดอกเบี้ยเกษตรกรชั่วคราว โดยให้สิทธิแก่ทุกคนโดยอัตโนมัติอย่างไม่มีเพดานวงเงิน รัฐจะต้องจัดสรรเงินชดเชยแก่ ธกส. 30,000 – 60,000 ล้านบาทต่อปี  รวมทั้งอาจเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเงินกู้  นอกจากนี้งานศึกษาดังกล่าวยังพบอีกว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการช่วงปี พ.ศ. 2558 – 2564 กลับมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3-4 […]

ราคาทองคำและเงินบาท วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม 2566

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นมาให้ผลตอบแทนที่ถือว่าดีที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์โดยปัจจัยหนุนมาจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังจากที่เงินดอลลาร์เดินหน้าแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง เงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงมาจากการเพาะบ่มของภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐอ่อนแอและก็แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ โดยเฉพาะภาคการบริการ ดัชนีออกมาต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน ส่วนปัจจัยทางด้านเทคนิคก็เป็นปัจจัยหนุนหลังจากที่เกิดเครื่องมือทางเทคนิคระยะสั้น เกิดสัญญาณซื้อขึ้นทำให้ราคาทองคำก็สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันมา 4 วัน ตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันพฤหัส  แต่วันศุกร์ราคาทองคำย่อตัวลงซึ่งก็เป็นผลจากการกล่าวสุนทรพจน์ของ นายเจอโรม พาวเวลประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีการแถลงในการประชุมประจำปีที่ แจ็กสันโฮล แถลงว่า เงินเฟ้อยังสูงเกินไปแล้วก็อาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไป โดยรายละเอียดก็คือ ท่านบอกว่า เงินเฟ้อของอเมริกาอยู่สูงเกินไปและอาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไป โดยรายละเอียดของเนื้อหา นายเจอโรม พาวเวล กล่าวว่า อาจจะต้องต่อสู้ต่อไปถึงแม้จะมองว่าเงินเฟ้อน่าจะลดลงจากเคยขึ้นไปที่จุดสูงสุดมาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็ยังมองว่าสูงเกินไป เฟดก็เตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยอะอีกเพื่อให้เงินเฟ้อลงมาสู่เป้าหมาย 2% ที่ผ่านมาเฟคขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 11 ครั้ง อัตราดอกเบี้ยของเฟคล่าสุดก็คือ 5.25-5.5% สูงที่สุดในรอบ 22 ปี ทั้งนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณที่จะลดดอกเบี้ยลงและไม่ได้พูดเรื่องนี้เลย พูดแต่ว่าจะขึ้นดอกเบี้ย ในส่วนของราคาทองคำสปอร์ตคืนวันศุกร์มีการปรับตัวลงมาใกล้ๆ 1,900 ดอลลาร์ และมีการฟื้นตัวขึ้นมาก่อนปิดตลาดที่ 1,914 ดอลลาร์ ลดลงไป 2 ดอลลาร์ แต่ทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นถึง 25 ดอลลาร์ หรือว่าเพิ่มขึ้น 1.35% และกองทุน SPDR สัปดาห์ที่แล้วขายทองคำออกมา 0.06 ตัน ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้มี 3 ประเด็นคือ ตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐ มีการจ้างงานจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร และจำนวนผู้ขอการว่างงาน 2 GDP ไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการประมาณการครั้งที่ 2 และส่วนที่ 3 ดัชนี PCE พื้นฐานเดือนกรกฎาคม ตัวเลขการว่างงานตลาดคาดการณ์ว่า GDP จะเพิ่มสูงขึ้น จำนวน 201,000 ตำแหน่ง ตัวเลขการจ้างงานนอกกระแสตลาดคาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้น 196,000 ตำแหน่ง  แนวโน้มราคาทองคำสปอร์ตระยะสั้น คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,900 ถึง 1,920 ดอลลาร์ ซึ่งคิดว่าประเด็นที่ทำให้ราคาทองคำผันผวน ตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป ก็คงเกิดขึ้นจากตัวเลขการจ้างงาน แล้วก็ดัชนี pce พื้นฐาน ตรงนี้สำคัญเพราะว่า เพราะเป็นอัตราเงินเฟ้อเป้าหมาย เฟค ใช้ในการเฝ้าดู ตัวนี้เป็นหลัก ทองคำให้แนวรับให้ 1,900 และ 1,890 ดอลลาร์ ในส่วนของแนวต้านให้ 1,920 ดอลลาร์ และ 1,930 ดอลลาร์  สำหรับราคาทองคำแท่งของสมาคมทองคำเมื่อวันเสาร์ขายออก 31,850 บาทเพิ่มขึ้น 100 บาท […]

เผยข้อมูลเชิงลึก ! คนไทยใช้จ่ายอะไรบ้าง ในแต่ละเดือน

เคยสงสัยกันหรือไม่ ว่าในรอบเดือน คนไทยใช้จ่ายอะไรกันบ้าง เสียเงินไปกับอะไรมากที่สุด ซึ่งทางสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของครัวเรือนไทย ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา จากการประเมินค่าใช้จ่ายในเดือนที่ผ่านมา พบว่าแต่ละครัวเรือนมีรายจ่ายอยู่ที่ 18,130 บาท นอกจากนี้ยังพบว่าค่าใช้จ่ายร้อยละ 58.53 อยู่ในหมวดสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ โดยค่าโดยสารสาธารณะ รถยนต์ ค่าน้ำมัน และค่าโทรศัพท์ติดอันดับต้นๆของรายจ่ายที่คนไทยต้องเสียมากสุด ขณะที่ร้อยละ 41.47 อยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบัน ยังถือว่ายังไม่ดีมากนัก จากภาวะเงินเฟ้อ และปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ ดังนั้นแล้ว ภาครัฐจะต้องเร่งรีบแก้ไขปัญหาทางการเงินให้แล้วเสร็จ ขณะที่ภาคประชาชน จะต้องวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาหนี้สินขยายตัว ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินของตนเอง ที่มา : สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์

แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทำได้จริงหรือไม่ ?

ขั้นตอนจ่ายเงิน 10,000 บาทให้กับบุคคลที่มีสิทธิ์นี้จะเป็นอย่างไร? คงไม่ใช่รูปแบบเงินสดแน่ ๆ แต่จะเป็นยังไงบ้างสำหรับการจ่ายเงินเป็นเงินดิจิตอลต้องมาดูกันว่าจริงต้องตั้งคำถามกับทุกท่านว่าจริงๆ แล้วเงินที่ได้มามันคือ เงินบาท ดังนั้นก็ไม่ควรที่จะแตกต่างจากเงินธรรมดา แต่ที่น่าจะแตกต่างคือเงื่อนไขของการใช้จ่ายว่าจะเอาไปใช้จ่ายที่ไหนได้บ้าง ประเด็นที่น่าสนใจอย่างมาก คือ เงินที่ได้มานั้นใช้ได้เลยหรือไม่ มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเรายังไม่สามารถตอบได้เลยว่าคนรับอยากจะรับไหม ? แล้วคนรับจะรับได้ยังไง คนรับเอาไปใช้ต่อได้อย่างไรประเด็นเหล่านี้เป็นคำถามที่จะต้องหาคำตอบและตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร ในประเด็นที่หนึ่ง คนรับแล้วนำไปใช้ยังไง ก็มีการพูดออกมาจากฝั่งของพรรคเพื่อไทยว่า สำหรับ ประชาชนคนไทยสามารถใช้หมายเลขบัตรประชาชนในการยืนยันตัวตนและสามารถนำไปใช้จ่ายได้ทันที ตรงจุดนี้อาจจะเป็นจุดที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ามันจะไปยังไงต่อ ตรงนี้คงต้องรอฟังเพื่อไทยที่เป็นเจ้าของนโยบายกันดู แต่ว่าถ้าทำอย่างนี้ได้จุดเริ่มต้นของการ แจกเงิน คิดว่าแจกกันค่อนข้างง่าย เพราะว่าทำอย่างนั้นได้จริงตรงนี้ก็จะมีประเด็นว่าเงินที่จะนำออกมาแจกได้รับแล้ว ผู้รับไม่อยากใช้ตามขั้นตอนเอาไปขายให้กับคนที่มีความอยากได้ แบบตกเขียวหรือลดราคา เช่น 10,000 บาท ผมบอกผมต้องการเงินสด แค่ 8,000 บาท ดังนั้นไม่ว่าเงินจะมารูปแบบไหน เป็นแอพบาท  บาร์โค้ดหรือ คิวอาร์โค้ด มันไม่จำเป็นต้องโอนเงินวันนี้เพราะมีเวลาใช้เงิน 6 เดือนนั้นมันสามารถบอกได้ว่าการยืนยันตัวตนอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ได้.. เรื่องที่สอง บอกว่าเงินที่ได้รับใช้จ่ายไม่เกิน 4 กิโลเมตร ในทุกที่ที่มีคิวอาร์โค้ดบอกจะใช้ได้เลยจริงๆไม่ได้อย่างที่หาเสียงไว้ ประเด็นนี้จำเป็นที่จะต้องมีแอปพลิเคชันหรือมีอะไรบางอย่างที่จะมายืนยันว่าผู้ใช้เงินอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าใช่ตรงนั้นหรือเปล่าซึ่งตรงนี้มีมติที่สามารถจะทำได้ก็คือว่าเรารู้ว่าตำแหน่งที่เราต้องการให้เขาใช้จ่าย ดูจากตำแหน่งของคนจ่ายหรือคนรับ ถ้าดูจากตำแหน่งของคนจ่ายคนหรือชำระเงินก็แปลว่าต้องมีแอปแน่นอนและดูจากตำแหน่งของผู้จ่าย ร้านค้าไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งก็ได้ เพราะไม่ได้มีการตรวจทั้งสองฝ่าย ระบบอาจจะไม่ได้ใช้ได้ตามที่หวังเอาไว้ เพราะฉะนั้นจริงๆมีหลายประเด็นที่อาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควร เรามาดูภาพใหญ่กันดีกว่าเพื่อไทยบอกชัดเจนว่าไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้ แต่ว่าโอนได้หรือเปล่าประเด็นนี้ยังไม่มีการพูดถึง แต่ว่ามันเป็นเงินในระบบ ต้องถามว่าเพื่อไทยได้มีการไปพูดคุยกับแบงค์ชาติหรือเปล่าเกี่ยวกับกฎหมายว่าจะทำได้ไหมหรือว่าขัดต่อข้อกฎหมายบางประการหรือเปล่า ในมุมมองประเด็นนี้ เงินที่ได้รับเป็นเงินบาทหรือไม่ เพราะถ้าคิดว่ามันเป็นเงินบาทมีความเทียบเท่าเงินบาทจริงๆ ถึงแม้ว่าจะใช้งานผ่านแอฟพลิเคชั่น ก็ถือว่าเป็นการพิมพ์เงินออกมาหรือว่าเป็นการก่อหนี้ คุณสมบัติเทียบเท่าเงินบาททุกประการ มันก็จะไปเข้าพระราชบัญญัติเงินตรา มาตรา 2501 ที่บอกว่า คนที่จะออกธนบัตร ออกตั๋วเงินตราต่างๆ ได้ คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้ออก แต่ว่าวันนี้อยู่ดี ๆ จะมีเงินส่วนที่สามและเป็นเงินดิจิตอลต้องถามว่ามันมีความสามารถใช้จ่ายได้แล้วหรือยัง แล้วถูกจัดว่าเป็นเงินส่วนไหนของเงินตรา เพราะเงินตรามีข้อกำหนดอยู่ที่มาตรา 9 ระบุไว้ว่า ให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีในการที่จะยกเว้นเรื่องดังกล่าวให้คนอื่นสามารถที่จะพิมพ์เงินเหล่านั้นออกมาได้ ประเด็นที่น่าสนใจต่อมา คือ เงินตราเหล่านี้ออกมาแล้วอยู่ตลอดไปก็อาจจะฟังดูง่ายแปลว่าเงินตรงนี้ก็จะถูกเปลี่ยนการปรับใช้ได้ตลอดเวลา แต่เงินก้อนนี้ถูกจำกัดว่าเอาไปใช้ได้เพียง6 เดือนเท่านั้น เงินที่จะออกมา ห้าล้านห้าแสนล้านบาท ต้องใช้ให้หมดภายในเวลา 6 เดือน แล้วคนที่ถือเงินเป็นคนสุดท้ายจะได้เงินกลับไปยังไง เขาไม่ได้เงินกลับไปแปลว่าอะไร แปลว่าเขาต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ห้าล้านห้าแสนล้านบาท ที่เขารับมาทั้งหมดหรือเปล่ามันจำเป็นที่จะต้องมีการขายของคืนเพื่อหมุนเม็ดเงินกลับเข้ามาในระบบของเขาในรูปแบบเงินตราที่ใช้อยู่จริง ตามมาด้วยประเด็น รัฐบาลจะหาเงินตรงนี้มาจ่ายคืนได้ยังไง ห้าแสนล้านบาท เท่ากับว่าวันแรกอาจจะพิมพ์ออกมาเป็นเงินจริงๆ แต่ว่าพอสุดท้ายแล้วมันจะกลายเป็นการก่อหนี้ของภาครัฐคือการออกมีปริมาณมากเป็นการก่อหนี้ที่ค่อนข้างสูงพอสมควรคือ คิดเป็นปริมาณ 2 – 3 % ของ GDP เป็นเงินงบประมาณประมาณ 16% ของงบประมาณ ซึ่งคิดว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะมากแต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบอื่น เราจะไม่มีโอกาสที่จะนำเงินตรงนี้มาใช้จ่ายได้ง่าย ประเด็นต่อมา เงินจำนวนห้าแสนล้านบาท บอกว่าเดี๋ยว 6 เดือนจะเอาเงินมาคืน จะทำได้จริงหรือไม่ สมมุติ คุณเป็นเจ้าของร้านอาหารได้เงินจากกลุ่มที่ได้รับเงิน จำนวน 10,000 บาท คุณก็ต้องเอาเงินไปซื้อ เครื่องปรุง หมู เห็ด เป็ด ไก่ หรืออะไรก็ตามที่เป็นวัตถุดิบ แต่ติดที่เขากำหนดไว้ คือ 4 กิโลเมตร ถามว่าคุณชื้อทั้งหมดใน 4 กิโลเมตรได้จริงหรือ ตลาดที่คุณต้องการชื้อวัตถุดิบ อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตรที่เขากำหนดหรือไม่  คำถามก็วนกลับมาที่เดิมและต้องเป็นประเด็นที่ยังต้องถกเถียงกันเยอะมากว่าถ้าเงินเหล่านี้ใช้ได้แต่ก็ติดรัศมี 4 กิโลเมตรจำกัดประเภทของเงินที่จะใช้ คนใช้ได้อาจจะอยากใช้จ่ายแต่คนรับอาจจะไม่อยากรับ ตามหลักแล้วมันสามารถวัดความคุ้มค่าของประมาณได้ไหม เงินที่ใส่เข้าไปในระบบหนึ่งบาท คุณจะประเมินความคุ้มค่าโครงการที่จะใส่เงินเข้าไป หลักแสนล้านบาทยังไง เพราะมันแตกต่างจากการใช้จ่ายเงินของภาครัฐฯ แตกต่างจากการใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่เอาไปสร้างถนนหรือเอาไปทำอะไรการตามที่เป็นสาธารณะประโยชน์ ต่างๆ หรือโครงสร้างพื้นฐานแล้วประชาชนได้เงินจากการจ้างงาน เงินเหล่านี้ก็จะหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ อีกรูปแบบคือการที่รัฐบาลใช้จ่ายเองรัฐบาลเอาเงินไปมอบให้กับประชาชนและประชาชนเอาไปใช้จ่ายเงินอีกทีหนึ่ง ตามทฤษฎีที่รัฐใช้จ่ายเงินภาครัฐโดยตรง เอาไปจัดซื้อจัดจ้างทำอะไรบางอย่างก็ทำให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานทำให้เกิดประโยชน์ในอนาคต ซึ่งตรงนี้เป็นตัวเลขที่วัดค่อนข้างยากแต่รู้กันว่าค่อนข้างสูงโดยเฉพาะถ้าการลงทุนนั้นนับเป็นการลงทุนที่ทำให้ โครงสร้างพื้นฐานเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้จริง ส่วนที่เป็นเงินที่เอาไปให้ประชาชนใช้จ่ายโดยตรงก็คงจะค่อนข้างใกล้เคียงกับเงินดิจิตอลที่กำลังพูดถึง การใช้จ่ายในลักษณะแบบนี้ หลายๆประเทศมีการประเมินมาแล้วและก็ได้ตัวเลขที่ค่อนข้างต่างกันมาก อย่างเช่น ตุรกี เคยพยายามวัดตัวเลขนี้ปรากฏว่า นำเงินให้ไป 100 บาท มีการใช้จ่ายจริงหมุนเวียนหลายๆรอบใช้จ่ายได้ภายในประเทศ เคยมีการพยายามวัดกันแล้วก็บอกว่าเงินหนึ่งร้อยบาท จะกลับมาหมุนเวียนในระบบประมาณ 98 บาท ย้อนกลับไปตอนช่วงโควิดมีโครงการต่างๆ ที่ช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ได้รับความเดือดร้อนกับการระบาดโควิดมีงบประมาณที่เราขอกู้ยืมเงินเพิ่มเติม 1.5 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใหญ่ๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการไทยเที่ยวไทย เป็นต้น รวมกันประมาณ 800,000 ล้านบาท ถามว่าเม็ดเงินนี้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากจริงไหม มันไม่เยอะที่คิดไว้ ตอนแรกเราคิดว่าเดี๋ยวมันคงจะหมุนกับมา 5 รอบ 10 รอบไม่ถึงขนาดนั้น น้อยกว่านั้นเยอะ การที่พรรคเพื่อไทยต้องการที่จะทำให้ ประชาชน อาจจะรู้สึกดีกับรัฐบาลชุดนี้กับพรรคการเมืองชุดนี้ว่าพยายามนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต แต่ว่าหลายคนอาจจะมองข้ามมิติที่ เคยตั้งคำถามไหมว่าอยากได้เงิน 10,000 บาท ไหม ? สมมุติว่าเราเปลี่ยนคำถามว่าถ้าได้เงิน 10,000 อนาคตเรายังมีภาระต้องชำระหนี้ที่เกิดขึ้น 10,000 บวกดอกเบี้ย อีกเท่าไหร่… คำถามสุดท้ายคือ 6 เดือนผ่านไปคนถือเงินคนสุดท้ายจะทำอย่างไรกับเงินนี้ และถ้าการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่แรงพอ เงิน 10,000 บาท ตรงนี้อาจจะทำให้เราแย่ลง ในภาพรวมในอนาคตก็เป็นไปได้เพราะไม่มีอะไรมาบอกเราได้เลยว่าในอนาคตเศรษฐกิจเราจะไม่แย่ลง หากนักการเมืองของเมืองไทยยังสนใจแต่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่า….ประชาชน เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ

1 5 6 7 8 9 24