ขยายผลทลายเครือข่ายคดีหลอกลงทุน Turtle Farm ยึดอีก 100 ล้าน

ตำรวจไซเบอร์ขยายผลทลายเครือข่ายคดีหลอกลงทุน Turtle Farm จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม – ตรวจยึดของกลางกว่า 100 ล้านบาท

วันที่ 15 กันยายน 2565 เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผบก.สอท.3 และ นายปิยะ ศรีวิกะ ผู้อำนวยการกองคดี 2 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร่วมกันแถลงข่าวการขยายผลการตรวจยึดจับกุม (เพิ่มเติม) ในคดีหลอกลงทุนฟาร์มเกษตร โครงการ Turtle farm ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 2,702 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,649,210,177.87 ล้านบาท

โดยตำรวจไซเบอร์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา 9 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน” ซึ่งสามารถจับกุมตัวได้แล้ว 6 ราย รวมทั้ง ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 1 ราย พร้อมกับ ประสาน INTERPOL ออกหมายแดง (Red Notice) ติดตาม ผู้ต้องหา ที่หลบหนีออกจากประเทศไทย 3 ราย และเร่งดำเนินการสืบทรัพย์เพื่อนำเงินมาคืนผู้เสียหาย

จากสืบสวนพบว่าการโฆษณาชักชวนในสื่อออนไลน์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในหลอกลวงประชาชนโดยทั่วไปของกลุ่มขบวนการที่กระทำความผิด ได้มีการว่าจ้างบริษัท พี เอ็น ดิจิทัล มาเก็ตติ้ง ออนไลน์ จำกัด เพื่อโฆษณาสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ โดยได้รับเงินจากกลุ่มผู้กระทำความผิดรวมทั้งหมด 72 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 134,856,500 บาท ซึ่งถือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ

จากการตรวจสอบหลักฐานทางการเงิน พบว่า บริษัท พี เอ็น ดิจิทัล มาเก็ตติ้ง ออนไลน์ จำกัด ตั้งอยู่ 279/15 ซอยสุเหร่าคลองหนึ่ง 15 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ และ มีบุคคลที่เกี่ยวข้อง พักอาศัยอยู่ที่ บ้านเลขที่ 27/14 หมู่บ้านลลิล กรีนวิลล์ ลักซ์ รามอินทรา-นวมินทร์ ซ.พระยาสุเรน 40 แขวงคลองสามวา เขตสามวาตะวันตก กรุงเทพฯ

โดยเมื่อ (13 ก.ย.65) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายค้นจำนวน 2 แห่งข้างต้น และศาลอาญามีนบุรี ได้อนุมัติหมายค้นที่ ค.611/2565 และ ค.612/2565 ลง 13 ก.ย.65 จากการตรวจค้นได้ทำการตรวจยึดเงินสด สิ่งของ และเอกสารต่างๆ ปรากฏรายละเอียด ดังนี้ 1.ธนบัตรของรัฐบาลไทยชนิดราคาฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 98,600 ฉบับ รวม 98,600,000 บาท, 2.รถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้อ ปอร์เช่ รุ่น บ็อกซเตอร์ 718 จำนวน 1 คัน 3.สร้อยคอทองคำและเพชร และเอกสารต่างๆ รวม 56 รายการ

ทั้งนี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บช.สอท. อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ในการสรุปสำนวนคดีส่งอัยการ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกราย ซึ่งคดีนี้มีพยานหลักฐานครบถ้วนเพียงพอที่จะสามารถสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้และจะดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องในฐานความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น