(มีคลิป) ผบช.ภาค 5 แถลงข่าว เหตุใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านและตำรวจ

ผบช.ภาค 5 แถลงข่าวผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านและตำรวจได้รับบาดเจ็บพื้นที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 เวลา 11.30 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จว.ลำปาง, พล.ต.ต.วรพงษ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายพีระ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ยิงชาวบ้านได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่เมาะ จว.ลำปาง เข้าไประงับเหตุได้ถูกนายพีระฯ ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นขาขวา จำนวน 1 นัด นำส่ง รพ.แม่เมาะ โดยได้แถลงข่าวที่ สภ.แม่เมาะ จว.ลำปาง

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 เวลาประมาณ 15.30 น. ร.ต.อ.พิชิตชัย ไชยาโส รอง สว.(สอบสวน) สภ.แม่เมาะ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่ไร่ข้าวในบ้านทาน ม.4 ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ จว.ลำปาง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ จากเหตุดังกล่าว มีนางศศิประภา (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะฯ เสียชีวิตโดยมีบาดแผลถูกยิงที่ หน้าอกช้าย 2 นัด , แขนซ้าย 2 นัด และแก้มซ้าย 1 นัด และ นายอาโก(สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงที่มือขวา 1 นัด จากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุให้การว่าก่อนเกิดเหตุ นางศศิประภาฯ ,นายอาโกฯ ,นายกิจเจริญฯ กับพวกประมาณ 5 คน ได้มาลงแขกเกี่ยวข้าวกันที่ไร่ข้าวเกิดเหตุตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 น. จนเวลาประมาณ 15.00 น.เศษ นายพีระ ได้เดินเข้ามาหานางศศิประภา กับพวกแล้วขอข้าวขอน้ำกิน ซึ่งนางศศิประภา ก็จัดหาให้กินแล้วพากันไปเกี่ยวข้าวต่อ แล้วนายพีระ ได้เดินเข้ามาหานายกิจเจริญฯ แล้วพูดว่า” ชีวิตตนเองไม่มีความหมายแล้ว ไม่อยากจะอยู่แล้ว” แล้วชักอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ออกมา นายกิจเจริญฯ จึงได้วิ่งหลบหนี แล้วนายพีระฯ ได้เข้าไปยิงนายอาโกฯ ถูกที่มือขวา 2 นัด แล้วยิงนางศติประกา อีก 5 นัด แล้วหลบหนี

หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ เพ็ชรตา สว.สส.สภ.แม่เมาะ, พ.ต.ท.สามารถ วงศ์ใหญ่ สวป.สภ.แม่เมาะ และ ส.ต.ท.นิพัฒน์ กาจู ผบ.หมู่ (สส)สภ.แม่เมาะ กับพวก ได้รับแจ้งเหตุจึงได้เดินทางไปที่เกิดเหตุแล้วทราบจากราษฎรว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึงเพียงเล็กน้อย นายพีระฯได้ยิงปืนออกมาจากป่าละเมาะข้างทางอีก 1 นัด พ.ต.ท.ณัฐวุฒิฯ กับพวกจึงได้เข้าไปตรวจสอบ แต่นายพีระฯกลับใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ ส.ต.ท.นิพัฒน์ฯ จำนวน 2 นัด กระสุนถูกที่ต้นขาขวา 1 นัด ได้รับบาดเจ็บ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิฯ และ พ.ต.ท.สามารถฯ กับพวกจึงได้ยิงต่อสู้ แต่เนื่องด้วยเป็นเวลาพลบค่ำ ไม่มีแสงสว่าง ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวมีหญ้าขึ้นรกทึบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ปิดล้อมที่เกิดเหตุไว้ และนำตัว ส.ต.ท.นิพัฒน์ฯ นำส่ง รพ.แม่เมาะ

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้สั่งการให้ชุดอาวุธพิเศษตำรวจภูธรภาค 5 ยักขราช 49 ที่ผ่านการฝึกฝนยุทธวิธีการปิดล้อมคนร้ายในป่า และชุด นปพ.ภ.จว.ลำปาง ซึ่งมีความชำนาญในพื้นที่เข้าดำเนินการปิดล้อม กดดันตัวคนร้ายไว้ พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.ปิยะฯ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จว.ลำปาง เข้าควบคุมเปิดปฏิบัติการติดตามจับกุมตัวคนร้าย โดยให้ใช้ความระมัดระวังสูงสุด เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนและชำนาญภูมิประเทศ จนกระทั่งในวันที่ 10 พ.ย.65 เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถกดดันกระชับพื้นที่จนเข้าควบคุมตัวนาย พีระฯ ผู้ก่อเหตุพร้อมตรวจยึดอาวุธปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุได้ จากนั้นได้ทำการจับกุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธไปในหมู่บ้าน เมืองหรือทางสาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่เมาะ ดำเนินคดี สำหรับสาเหตุของการก่อเหตุครั้งนี้เกิดจาก ผู้ก่อเหตุเพิ่งจะพ้นโทษจากเรือนจำในความผิดฐาน ฆ่าภริยา ซึ่งผู้ก่อเหตุคิดว่าภริยาตนเองได้นอกใจจึงได้ก่อเหตุฆ่าภริยาในครั้งนั้น โดยครั้งนี้ผู้ก่อเหตุก็ระแวงว่าผู้ตายซึ่งเป็นพี่สะใภ้จะนอกใจพี่ชายของผู้ก่อเหตุ จึงได้ก่อเหตุขึ้น

จากนั้น พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชา ได้ไปเยี่ยม ส.ต.ท.นิพัฒน์ฯ ที่ถูกอาวุธปืนยิงขณะเข้าทำการจับกุม ซึ่งพักรักษาตัวที่ รพ.ศูนย์ลำปาง และได้มอบกระเช้าและเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับ ส.ต.ท.นิพัฒน์ฯ ต่อไป

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจภูธรภาค 5 มีความพร้อมในการปฏิบัติงาน โดยมี ชุดยักขราช 49 ซึ่งผ่านการฝึกฝนยุทธวิธีทั้งในเมือง ในป่า สามารถตอบโต้เมื่อมีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ได้ทันที ขอให้ประชาชนมีความอุ่นใจว่า ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถปกป้อง ระงับเหตุให้กับพี่น้องประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ร่วมแสดงความคิดเห็น