ขนส่งสั่งติวเข้ม คาดเข็มขัดนิรภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. รับผิดชอบด้านงานจราจร ได้แจ้งต่อสื่อมวลชน เพื่อย้ำถึงกล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ว่า การติดตั้งเข็มชัดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ปี 2522 ได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มรถยนต์ รถแท็กซี่ รถลีมูซีน รถกระบะ 4 ประตู ถ้าจดทะเบียนก่อน ม.ค.2531 ตัวรถจะไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเลย แต่ถ้าจดทะเบียน 1 ม.ค.2531-1 ธ.ค.2553 ต้องติดเข็มขัดนิรภัยที่นั่งคนขับ และที่นั่งตอนหน้า ถ้าตั้งแต่ 1 ม.ค.2554 จะต้องมีเข็มขัดทุกที่นั่ง ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด
กลุ่มที่ 2 คือรถตู้ส่วนบุคคล จดทะเบียนเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ก่อน 1 ม.ค.2537 ตัวรถจะไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเลย แต่ตั้งแต่ 1 เม.ย.2555 จะต้องมีเข็มขัดทุกที่นั่ง ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด
กลุ่มที่ 3 คือรถปิคอัพ รถสองแถว ที่มีด้านหลังเป็นที่นั่งและที่บรรทุก กฎหมายบอกว่าให้บรรทุกสิ่งของและสัตว์ ห้ามไม่ให้มีคนนั่ง อันนี้ก็บังคับให้รัดเข็มขัดที่เบาะนั่งคู่หน้า ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด
และกลุ่มที่ 4 คือรถสี่ล้อเล็ก หรือรถกะป๊อ ตั้งแต่ 1 เม.ย. 2555 ได้บังคับให้มีที่รัดเข็มขัด 2 คนหน้า ถ้าไม่มีก็จะมีความผิด
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนลักษณะของเข็มขัดรถจะมี 2 แบบ แบบที 1 คือแบบ 3 จุด รัดตักและรัดพาดไหล่ ใช้กับที่นั่งคนขับและที่นั่งตอนหน้า ส่วนอีกแบบที่ 2 คือคาดเอว 2 จุด ใช้กับที่นั่งตรงกลาง ขณะที่รถบรรทุกทุกชนิดต้องมีที่ขาดเข็มขัดคนขับและคนนั่งตอนหน้า บรรทุกผู้โดยสารระหว่างกรุงเทพไปต่างจังหวัด หรือวิ่งระหว่างจังหวัดด้วยกัน จะต้องมีที่คาดเข็มขัดที่นั่ง รถโดยสารขนาดเล็กก็ต้องมีที่คาดเข็มขัด เฉพาะคนขับกับคนนั่งตอนหน้า ข้างหลังให้จัดมีหลังคาและที่นั่งตามแนวยาวรถ 2 ข้าง และจัดให้มีเข็มขัดนิรภัยหรือไม่ก็ได้
ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้ง 88 สน.ทำการประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด และกำหนดว่าตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เป็นต้นไป จะมีการตรวจแบบเข้มข้น ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดต้องจับจริงปรับจริง
ในกรณีไม่คาดเข็มขัดรถยนต์ส่วนบุคคลและแท็กซี่สาธารณะ ทางผู้โดยสารนั่งตอนท้ายหากไม่คาดเข็มขัด จะเริ่มปรับขั้นต่ำในอัตราที่นั่งละ 100 บาท เจ้าของรถต้องจัดให้มีเข็มขัด คนขับต้องแจ้งให้ผู้โดยสารทราบ ผู้โดยสารก็ต้องมีหน้าที่คาด ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งผิดก็ต้องมีการเทียบปรับ ที่พบมากก็คือตลอดช่วงที่ประชาสัมพันธ์ รถแท็กซี่ไม่มีที่ให้เสียบเข็มขัดนิรภัยบริเวณเบาะหลัง เพราะคนขับยัดไว้ใต้เบาะ ทางเราก็แนะนำแล้วว่าให้เอาขึ้นมา เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถคาดได้ จากการปฏิบัติลงพื้นที่ตรวจสอบ ได้ข้อมูลจากหลายๆโรงพักว่า ผู้ใช้รถใช้ถนนให้การตอบรับดี มีการคาดเข็มขัดอย่างเห็นชัดเจน
“อุบัติเหตุที่เกิดทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้มีการบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกโรงพักทั่วประเทศ เข้มงวดกวนขันอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. เป็นต้นไป ในส่วนของ บช.น. มีมาตรการเข้มข้นทุกโรงพัก มีการตั้งจุดสกัด หรือที่เรียกว่าจุดกวดขันวินัยจราจรอยู่แล้วทุกวัน ตั้งแต่ช่วงนี้ตลอดจนเทศกาลสงกรานต์ และยังสั่งให้ทุกโรงพักเพิ่มมาตรการตั้งจุดกวดขันวินัยจราจรมากยิ่งขึ้น โดยเน้นเรื่องเมาแล้วขับ ความเร็ว ไม่สวมหมวกกันน็อค ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เราไม่ได้คาดหวังที่จะมีผลการจับกุม มียอดการปรับมากๆ แต่ช่วยกันเตือน ช่วยกันทำให้ การเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น การคาดเข็มขัดเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วหนักเป็นเบา”
รองผบช.น. กล่าวด้วยว่า ส่วนการบังคับใช้พ.ร.บ.ดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่นั้น ตนยืนยันว่านโยบายของผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น เราไม่มีนโยบายที่จะให้เพิ่มจำนวนการจับกุม ไม่ได้หวังให้มีเงินค่าปรับมาก เราหวังว่าการเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนน เกิดความปลอดภัยมากขึ้น โดยตนได้สั่งกำชับตลอดว่า ต้องมีความเข้มงวดมากในการตั้งด่าน ต้องไม่ให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ในขณะตั้งด่าน ต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ต้องสร้างความเชื่อมั่นใหม่ ต้องสร้างความรู้สึกใหม่กับพี่น้องประชาชน ตนจึงออกคำสั่งในการตั้งด่านกวดขันจราจร หัวหน้าผู้ควบคุมด่านต้องเป็นระดับสารวัตรขึ้นไป
ที่ผ่านมาทุกด่านที่เราตั้ง จะต้องมีสว.จร.หรือรอง ผกก.จราจรเป็นหัวหน้าคุมเท่านั้น ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เรายังเพิ่มด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ในเวลากลางวัน ด่านที่มีในช่วงเช้ากับช่วงบ่าย ต้องมีเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วย เพราะสถิติที่ผ่านมาทุกครั้งที่มีการหยุดยาว ส่วนมีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อค ปีนี้ต้องทำให้ลดน้อยลงมากที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น