พลังโซเชียล ขอช่วยกันแชร์ ตามล่าเก๋งตีนผี ซิ่งชนท้ายสองสาวเจ็บ แล้วซิ่งรถหนี

ตามล่าเก๋งตีนผี ซิ่งชนท้ายสองสาวเจ็บ ก่อนนหลบหนีลอยนวล

จากกรณีที่โซเชียลมีเดีย ได้มีการแชร์โพสต์เรื่องราวของผู้ที่ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Ssikan Na Chiagmai” ที่ระบุเรื่องราวเพื่อขอความช่วยเหลือในการช่วยเร่งรัดติดตามหารถยนต์เก๋งสีเทา ที่ก่อเหตุชนรถ จ.ย.ย.แล้วหลบหนีไป ให้กลับมาแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 8 มิ.ย.60 ที่ผ่านมา บริเวณช่วงจุดกลับรถหน้า CASA คอนโดมิเนียม ติดกับสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน จ.เชียงใหม่ ถนนโชตนา ต.ช้างเผือก ทำให้ผู้ขับขี่รถ จ.ย.ย.ทั้ง 2 คน ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นนผู้หญิงทั้ง 2 คน

โดยคนแรกซึ่งเป็นคนขับขี่มีบาดแผลถลอกทั่วทั้งตัว และอีกคนที่ซ้อนท้ายมากะโหลกศรีษะร้าว ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งเมื่อเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในโซเชียลมีเดีย ก็เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยมีทั้งต่อว่าการกระทำของคนขับรถเก๋งพุ่งชน ที่ไม่ยอมลงมารับผิดชอบ และอีกกระแสก็เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบ และดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย


ขณะเดียวกัน ภายหลังทางผู้สื่อข่าวได้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงได้ทำการติดตามข้อมูล โดยจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ได้รับทั้ง 2 คน คือ น.ส.ศิร์กาญจน์ ณ เชียงใหม่ อายุ 21 ปี ชาว จ.ลำพูน และ น.ส.อาภาศิริ ศิริมาศ อายุ 21 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ใน จ.เชียงใหม่ โดยจากการสอบถามทราบว่าผู้ที่ใช้เฟซบุ๊คชื่อ “Ssikan Na Chiagmai” คือ น.ส.ศิร์กาญจน์ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ที่ได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโพสต์

เนื่องจากผู้ที่ก่อเหตุได้หลบหนี โดยทางเจ้าตัวได้เล่าว่า ในช่วงเกิดเหตุตัวเองเป็นผู้ขับขี่ รถ จ.ย.ย. มี น.ส.อาภาศิริ ซ้อนท้าย โดยได้ขับไปตามถนนโชตนา ขาออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อจะส่ง น.ส.อาภาศิริ กลับที่พัก โดยได้มาพร้อมกับเพื่อนอีกคนที่ขับขี่รถ จ.ย.ย.ตามมาอีกคันหนึ่ง
จนเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถยนต์คันก่อเหตุ ที่ขับมาด้วยความเร็ว ก่อนจะพุ่งชนท้ายรถ ที่ตนขับขี่มาจนล้มลง จากนั้นได้ขับหลบหนีไป ขณะที่ตัวเองและเพื่อนได้รับบาดเจ็บ จนส่งผลกระทบต่อการเรียนและการทำงาน รวมทั้งเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ น.ส.อาภาศิริ ที่ได้บาดเจ็บหนักจนกะโหลกศีรษะแตกร้าว เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ประมาณ 20,000 บาท และล่าสุดต้องกลับมานอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินเพียงพอจ่ายค่านอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล

รวมทั้งต้องหยุดพักการเรียน และทำงานอย่างน้อย 3-4 เดือน เพื่อดูอาการบาดเจ็บและรักษาตัว ขณะที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บตามใบหน้าและทั่วร่างกายหลายจุด ทั้งนี้เหตุที่เกิดขึ้นได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ช้างเผือก แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตามตัวเองได้โพสต์เรื่องที่เกิดขึ้นลงเฟซบุ๊คด้วย โดยหวังว่าอาจจะมีผู้ที่เห็นเหตุการณ์หรือมีหลักฐานและเบาะแสใดๆ เพิ่มเติมเพื่อช่วยติดตามตัวรถยนต์คันดังกล่าว


ขณะที่ น.ส.รสสุคนธ์ แฟงคล้าย อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนที่ขับขี่รถ จ.ย.ย.ตามกันมา และอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เปิดเผยว่า ในช่วงที่เกิดเหตุ รถจ.ย.ย.ของเพื่อนที่ถูกชนได้เปิดไฟเลี้ยวให้สัญญาณล่วงหน้า และขับชิดขวาไปแล้วเพื่อเตรียมจะกลับรถที่บริเวณจุดกลับรถดังกล่าว แต่ปรากฏว่ารถยนต์คันที่ก่อเหตุที่ขับตามหลัง ได้ขับมาด้วยความเร็วสูงและไม่ชะลอความเร็วลงหรือขับหลบเลี่ยงเลย มีเพียงกระพริบไฟหน้ารถใส่เท่านั้น ก่อนที่จะชนรถ จ.ย.ย.ที่ น.ส.ศิร์กาญจน์ และ น.ส.อาภาศิริ ขับขี่ซ้อนกัน จนทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บและรถเสียหายเกือบทั้งคัน ส่วนรถยนต์คันดังกล่าวเพียงชะลอดูเหตุการณ์ แล้วขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับการติดตามหารถยนต์คันที่ก่อเหตุนั้น น.ส.รสสุคนธ์ บอกว่า เบื้องต้นทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ. ช้างเผือกแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดตามหารถยนต์คันดังกล่าวได้ เนื่องจากหลักฐานภาพวงจรปิดที่หามาได้ในเวลานี้ ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ซึ่งทางกลุ่มเพื่อนและคนรู้จักได้พยายามช่วยกันลงพื้นที่ ตรวจดูตลอดเส้นทางดังกล่าว ว่ามีจุดใดอีกหรือไม่ ที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ เพื่อขอภาพที่อาจจะเป็นประโยชน์ใช้เป็นหลักฐานในการช่วยติดตามหารถยนต์ที่ก่อเหตุให้กลับมารับผิดชอบ เพราะเวลานี้ทางผู้เสียหายทั้ง 2 คน กำลังเดือดร้อนอย่างมาก ทั้งจากการได้รับบาดเจ็บหนักและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก รวมทั้งมีผลกระทบต่อการเรียน และการทำงานที่ไม่สามารถทำได้ปกติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น