พบ”นร.หญิง”วัย 10 ขวบหน้าแก่เหมือนยายวัย 90 ระบุเป็นโรคที่รักษาไม่หายนอกจากผ่าตัด!!

เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2561 ผู้สื่อข่าวเชียงใหม่นิวส์ออนไลน์ รายงานว่าที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่(เพื่อความเหมาะสม จำเป็นต้องขอสงวนชื่อ นามสกุล สถานที่อยู่ของบุคคลนี้ไว้) มีเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง อายุ 10 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป. 4 ชื่อ ด.ญ.แพรวา (นามสมมุติ) มีรูปร่างแคระกว่าเด็กที่มีอายุไล่เลี่ยกัน โดยที่ใบหน้าและผิวหนังมีลักษณะเหี่ยวย่นราวกับหญิงชราวัย 90 ปี ผู้สื่อข่าวฯได้ติดตามไปที่บ้านพัก ของ ด.ญ.แพรวา พบว่าอาศัยบ้านเช่าอยู่กับนางแสงอ่อน (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ มีอาชีพรับจ้างและได้เล่าว่าเธอเป็นชาวไทใหญ่ เดิมอยู่ในประเทศพม่า โดยเข้ามาทำงานในประเทศไทย เมื่อปี 2550 กระทั่งตั้งครรภ์กับสามีและได้คลอดลูกสาวที่ รพ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ครั้งแรกเมื่อเห็นหน้าลูก รู้สึกตกใจที่มีใบหน้าและผิวหนังตามร่างกายเหี่ยวย่นไปทั้งตัว ไม่เต่งตึงเหมือนทารกแรกเกิดทั่วไป ทางหมอที่ทำคลอดต้องนำลูกเข้าตู้อบ จากนั้นส่งตัวไปรักษาอาการที่ รพ.นครพิงค์ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ตลอดที่ผ่านมาได้พาลูกสาวไปพบแพทย์โดยตลอด แต่อาการก็ยังเหมือนเดิม ประกอบกับมีฐานะที่ยากจน และทางแพทย์ระบุว่า นอกจากใบหน้าและผิวหนังที่เหี่ยวย่นเหมือนคนชราแล้ว สภาพอวัยวะภาย ในร่างกายมีอายุเท่ากับคนชราด้วย จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
สำหรับ”โรคหน้าแก่”นี้ เป็นโรคน่ากลัวก็คือ ทางการแพทย์ยังไม่มียารักษา และที่สำคัญยังไม่ทราบสา เหตุที่แท้จริง โรคหน้าแก่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ ชนิดเป็นตั้งแต่กำเนิด เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุ กรรม พบได้ตั้งแต่แรกเกิด น่าจะเกิดจากความผิดปกติระดับ DNA และถ่ายทอดสู่ลูกชนิดไม่ได้เป็นตั้งแต่กำเนิด ส่วนมากพบในรายที่มีความผิดปกติของผิวหนังอยู่ก่อน เช่น ผิวหนังอักเสบ แพ้ยา ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง
อาการของ โรคหน้าแก่ ที่สังเกตพบคือ ผิวหนังจะเสียความยืดหยุ่น ผิวหนังจะเป็นรอยพับเหี่ยวย่น โดยเฉพาะบริเวณ ใบหน้า คอ หลัง คล้ายๆกับผิวคนแก่ราวๆ 80-90 ปี อาจมีความผิดปกติของอวัยวะภายในด้วย ต้องตรวจเช็ดเพิ่มอย่างละเอียด
“การรักษา โรคหน้าแก่ ยังไม่มียารักษาให้หายขาด ทางการแพทย์ทดลองรักษารอยเหี่ยวย่น ด้วยการฉีดโบทอก Botox และการผ่าตัดใบหน้า ช่วยได้ระดับหนึ่งเท่านั้น” อย่างไรก็ตามทางผู้มีจิตเมตตา ต้องการที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ญ.แพรวา เด็กนักเรียนหญิงผู้ประสบเคราะห์กรรมมาตั้งแต่กำ เนิด ติดต่อผ่าน”เชียงใหม่นิวส์ออนไลน์” เพื่อเป็นสื่อกลางให้ความช่วยเหลือกันต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น