อุทยานแห่งชาติศรีลานนา เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยของราษฎร ในเขตอุทยานแห่งชาติ

อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ร่วมกับ ส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) โครงการธรรมชาติปลอดภัย เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกันเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎร ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ตามมติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 เพื่อให้ราษฎรสามารถอยู่อาศัยทำกิน และอยู่ร่วมกับป่าในเขตป่าอนุรักษ์ได้อย่างเกื้อกูลกัน

นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้รับรายงานจาก นายภูพิชิต ช่วยบำรุง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา ว่า เมื่อวันที่ 10-11 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติศรีลานนา และส่วนฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) ร่วมกันดำเนินการประชุมชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์ ให้แก่ราษฎรบ้านหลวง ม.6 ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ และราษฎรบ้านป่าตึงงาม ม.14 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีที่อยู่อาศัยและที่ทำกินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา
ทั้งนี้เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่า ซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน แต่สามารถอยู่อาศัยและทำกินได้ โดยการให้สิทธิในการทำกินแก่ราษฎรในพื้นที่ ที่อาศัยอยู่ภายในชุมชนเดิมในเขตป่าอนุรักษ์ ไม่มีการจัดการที่ดินแก่บุคคลภายนอกพื้นที่ ป้องกันนายทุนเข้ามาครอบครองที่ดินในเขตป่า ในการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวเขตร่วมกัน ระหว่างราษฎรผู้ครอบครองที่ดิน กับคณะทำงานสำรวจการครอบครองที่ดินระดับพื้นที่ ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และผู้แทนภาคประชาชน โดยกำหนดเป็นเขตบริหารเพื่อการอนุรักษ์ ที่เป็นที่ตกลงและยอมรับร่วมกัน โดยให้ชุมชนร่วมกันดูแลรักษาป่า เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืนต่อไป

นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กล่าวเพิ่มเติมว่า พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ที่จะถึงนี้ มีเจตนารมณ์ เพื่อให้การสงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยของราษฎรในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมากฎหมายอุทยานแห่งชาติ มิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการอยู่อาศัย และทำกินของราษฏรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ดังนั้น ตามมาตรา 64 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ถือเป็นโอกาสอันดีของพี่น้องประชาชนใน จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาติพันธุ์ ที่มีที่อยู่อาศัยและทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติ ที่เป็นชุมชนเดิมและเป็นราษฎรในพื้นที่ จะสามารถอยู่อาศัยและทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติได้ โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 เพื่อให้การสงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ป่า และภูเขา ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิมมิให้ถูกทำลาย ได้กำหนดบทลงโทษไว้รุนแรงกว่าเดิมเช่นกัน หากฝ่าฝืนกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดี ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายสมหวัง กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น