วันที่ 16 มี.ค.63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ทาง รมว.สาธารณสุข ได้เตรียมเสนอมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการประกาศพื้นที่เขตติดต่อโรคร้ายแรงเพิ่มมากขึ้น และมีความจำเป็นที่จะต้องสั่งปิดสถานบริการเช่น ผับ บาร์ เพื่อเป็นมาตรการทำให้การแพร่เชื้อลดน้อยลงมากที่สุด ขณะที่เมื่อทางผู้ประกอบการและสถานบริการส่วนใหญ่ได้ทราบข้อมูลดังกล่าวก็ส่งผลให้ได้รับผลกระทบถึงรายได้รวมทั้งความเป็นอยู่ พร้อมทั้งขอให้มีการพิจารณาและหามาตรการให้ความช่วยเหลืออื่นอย่างเร่งด่วน เนื่องจากหาหมีการดำเนินการปิดการให้บริการก็อาจทำให้ลูกจ้างหลายร้อยคนได้รับความเดือดร้อนตามมาอีกด้วย
ทั้งนี้ ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ภายหลังจากที่มีข้อมูลดังกล่าวปรากฎ ทางผู้สื่อข่าวจึงได้ทำการติดต่อสอบถามไปยังหนึ่งในผู้ประกอบการสถานบริการในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่รายหนึ่ง ซึ่งทางผู้บริหารได้เปิดเผยว่า จากกรณีการประกาศสั่งปิดสถานบริการตามที่ปรากฎเป็นข่าวมานั้น ในส่วนของตนรู้สึกไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวเพราะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ รวมไปถึงที่อื่นๆ และอยากให้ทางภาครัฐหาวิธีการป้องกันที่ดีกว่านี้ โดยในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่ได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของสถานบันเทิงของตนหายไปกว่าครึ่งอยู่แล้ว ซึ่งก็ถือว่าเดือดร้อนหนักและหากยังมีการประกาศปิดสถานประกอบการ พนักงานของร้าน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ก็คงต้องตกงานกันนับร้อยชีวิต และหากช่วยเหลือตนก็ไม่รู้จะนำรายได้จากที่ไหนมาจ่ายให้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน ในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่รองมาจาก กทม. มีสถานบันเทิงทั้ง ผับบาร์ ร้านอาหาร และร้านคาราโอเกะ เป็นจำนวนมาก มีพนักงานทำงานในสถานบริการเหล่านี้มีจำนวนนับหมื่นคน หากรัฐบาลจะใช้มาตรการสั่งปิดสถานบริการเหล่านี้ ผู้ประกอบการก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือพนักงานนับหมื่นคนต้องตกงานแน่นอน ขณะที่ในทุกๆ คืนสถานบันเทิงหลายแห่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ได้เพิ่มมาตรการในการสกรีนคน ที่เข้าไปใช้บริการโดยการ์ดของทางร้านจะตรวจอุณหภูมิในร่างกายของ ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ จากนั้นก็จะได้มีการตรวจบัตรประชาชน ก่อนที่จะมีการอณุญาตให้เข้าไปใช้บริการในสถานบริการ หากใครมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาก็ไม่อนุญาตให้เข้าทุกกรณี
ร่วมแสดงความคิดเห็น