คำว่า “สลุง” เป็นภาษาพื้นเมืองเหนือ หมายถึง ภาชนะสำหรับใส่น้ำ มีลักษณะเช่นเดียวกับขันน้ำส่วนใหญ่จะทำด้วยโลหะเงินมีขนาดต่างกัน ซึ่งมีทั้งแบบเกลี้ยงและตีให้นูนแล้วสลักลวดลายดอกไม้หรือลายสิบสองราศีตามแบบฉบับศิลปะล้านนาโบราณ
เมื่อเอ่ยถึงสลุงหลวงหรือสลุงที่มีขนาดใหญ่ เรามักจะนึกถึงสลุงหลวงของจังหวัดลำปาง พอถึงเทศกาลสงกรานต์ทีไรก็จะมีการนำเอาสลุงหลวงใส่น้ำขมิ้นส้มป่อยแห่ไปรอบเมือง เพื่อนำไปสรงน้ำพระแก้วมรกตดอนเต้าพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองลำปาง
ในอดีตเมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ คนล้านนาจะมีการประกอบพิธีสรงน้ำพระ โดยนำน้ำขมิ้นส้มป่อยใส่ในสลุงไปสรงน้ำพระที่วัดใกล้บ้าน ถือเป็นการแสดงความเคารพศรัทธาต่อพระพุทธรูปที่พวกเขาเชื่อว่าให้ความร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอด ปัจจุบันชาวบ้านที่อยู่แถบชนบทยังคงยึดถือปฏิบัติเป็นประเพณีสืบทอดกันต่อมา ดังนั้นสลุงจึงเป็นสื่อที่นำน้ำขมิ้นส้มป่อยไปสรงน้ำพระที่วัดและยังเป็นสิ่งที่เตือนให้ระลึกถึงประเพณีสรงน้ำพระที่มีมาแต่โบราณ
สลุงหลวง ที่นำมาแห่ในขบวนแห่สลุงหลวงเป็นครั้งแรก เป็นสลุงที่ทำด้วยเงิน หนัก 300 บาท ซึ่งเป็นของเจ้าตระกูล ณ ลำปาง กระทั่งในปี 2533 ชมรมเทิดมรดกเขลางค์นครได้ดำเนินการจัดสร้างสลุงหลวง โดยได้รับเงินบริจาคจำนวน 433,198 บาท ทำสลุงหลวงขึ้นมาใหม่ด้วยโลหะเงินหนัก 2,533 บาท มีขนาดกว้าง 89 เซนติเมตร สูง 49 เซนติเมตร ลักษณะเป็นสลุงทรงเกลี้ยง จัดสร้างด้วยการตีแบบพื้นเมืองโบราณ โดยไม่ใช้วิธีการหล่อแบบ ภายในสลุงสลักรายชื่อผู้บริจาคเงิน ส่วนรอบ ๆ ขอบบนภายนอกของสลุงจารึกเป็นภาษาพื้นเมืองเหนือว่า “สลุงเงินหลวงใบนี้ ช่างเมืองลำปางจัดทำถวายไว้ใส่น้ำอบน้ำหอม ขมิ้นส้มป่อย เพื่อสรงน้ำพระเจ้าแก้วดอนเต้าแห่งเวียงละกอน ในวันปีใหม่เมือง เพื่อค้ำจุนพระศาสนาจวบจนห้าพันพรรษา”
ร่วมแสดงความคิดเห็น