เมื่อเช้าวันที่ 1 มิ.ย. 63 ชาวบ้านกว่า 30 คน จาก อ.ลี้ จ.ลำพูน ที่เดือดร้อนจากการถูกยึดที่ดินทำกินตามนโยบายทวงคืนผืนป่า ต้องการขอให้อำเภอลี้และป่าไม้พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้แน่ชัด ซึ่งก่อนหน้านี้ในการประชุมร่วมกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านได้ข้อสรุปว่า จะตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อมาพิสูจน์สิทธิ แต่ผ่านมากว่า 3 เดือน กลับยังไม่คืบหน้า ชาวบ้านจึงเดือดร้อนเข้าพบผู้ว่าฯ ลำพูน เพื่อขอความเป็นธรรม โดยยื่นหนังสือ ขอให้ผู้ว่าฯ ขอให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ในพื้นที่ ตำบลแม่ลาน ตำบลดงดำ และตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สืบเนื่องจากกรณี ในพื้นที่ตำบลแม่ลาน ตำบลดงดำ และตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ได้มีการสนธิกำลังเข้าตรวจยืดแปลงที่ดินของชาวบ้าน จำนวน 103 ราย เป็นเหตุทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ และไม่มีการชี้แจงหรือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการรับรู้รับทราบหรือแจ้งถึงการดำเนินการตรวจยึดที่ดินชาวบ้าน แล้วผ่านมายังไม่มีแนวทางหรือมาตรการในการที่จะแก้ไขปัญหาและเยียวยาชาวบ้านเหล่านั้น
นายทวี เป็งปานัน ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านที่มาในวันนี้มี 103 ราย ที่เดือดร้อนโดยมีสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เครือข่ายภาคประชาชน ที่มาร่วมติดตามในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ซึ่งชาวบ้านมีข้อเสนอที่ยื่นหนังสือขอให้การแก้ไขปัญหา ดังต่อไปนี้
- ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 ตำบล ตำบลแม่ลาน ตำบลดงดำ และตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ให้กับเกษตรกร ผู้มีความเดือดร้อนจากเจ้าหน้าที่ ยึดที่ดินทำกิน โดยให้ดำเนินการตามมติ ที่หารือการแก้ไขปัญหา ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา
- ให้ใช้หลักเกณฑ์ ตามคำสั่ง คสช ที่ 66/2557 เป็นแนวทางในการพิสูจน์สิทธิเกษตรกรผู้ยากจน ยากไร้ตามคำสั่ง และใช้มติ หรือคำสั่งอื่น ๆ ในการแก้ไขปัญหา ให้แก่ชาวบ้านพื้นที่ 3 ตำบล
- ขอให้เร่งรัดการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ในระหว่างการแก้ไขปัญหาของให้เกษตรกร จำนวน 103 ได้เข้าไปใช้ประโยชน์เพาะปลูกเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องในครอบครัว จนกว่าการแก้ไขปัญหาจะแล้วเสร็จและได้ข้อยุติ
ด้านนายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ออกมารับหนังสือข้อร้องเรียนจากชาวบ้าน โดยกล่าวกับชาวบ้านว่า จะทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ว่าเป็นไปตามกระบวนการ ประชาชนมีส่วนร่มหรือไม่ จะเร่งรัดทำการตรวจให้รวดเร็ว คาดว่าน่าจะภายใน 7 วัน เพราะใกล้ฤดูทำการเกษตรแล้วชาวบ้านจะได้เข้าใช้ประโยชน์ได้ทัน หรือหากต้องปฏิบัติตามคำสั่งชาวบ้านเองก็พร้อมจะยอมรับ หลังจากมีการเข้าไปตรวจสอบโดยตนเองพร้อมจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และดูแลแก้ไขปัญหาให้ประชาชนต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น