ลำไยราคาร่วงหนัก ชาวสวนสู้ ! เก็บมัดปุ๊กเร่ขาย ดีกว่าปล่อยเน่าคาสวน

นายวิชาญ จาระธรรม สมาชิกสภาเกษตร จ.ลำพูน กล่าวว่า จากการยื่นหนังสือต่อ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช
.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งลงพื้นที่พร้อมคณะมาตรวจติดตามแก้ไขปัญหาลำไยนั้น วิงวอนให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะลำไยเริ่มทยอยออกมาพร้อม ๆ กัน ซึ่งปกติจะมีพ่อค้ามารับไปทำอบแห้ง

ด้านเครือข่ายชาวสวนลำไย อ.ป่าซาง จ.ลำพูน กล่าวว่า ราคาลำไยฤดูกาลนี้ถือว่าตกต่ำมาก เกรด เอ. 5-9 บาท/กก.
เกรด บี. 3-6 บาท เกรดซี. 50 สตางค์ ถึง 1 บาท บางแห่งไม่รับ ส่วนเกรดจัมโบ้ มีน้อยมาก เนื่องจากประสบภาวะแล้งหนัก ในขณะที่ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 12-15 บาท/กก. ราคาที่เปิดออกมา เจ๊งยับตั้งแต่ในสวนแล้ว

“วิธีแก้ไขของชาวสวนในพื้นที่คือ มัดปุ๊ก เก็บขึ้นรถ เร่ขายตามกาดนัด ซึ่งราคายังอยู่ที่ 20-30 บาท /กก.และมาตรการแก้ปัญหาที่หลาย ๆ ฝ่ายนำเสนอไปยังระดับนโยบาย เป็นโครงการที่ดี แต่ช้าไม่ทันการณ์ ดูเหมือนแต่ละล้งใหญ่ ๆ จะเน้นตะกร้า เพราะรูดร่วงนั้น มีปัญหาตามที่หน่วยงานรัฐแจ้งคือ กลุ่มพ่อค้าจีน เดินทางเข้ามาดูสินค้าในพื้นที่ไม่ได้”

ชาวสวนลำไย ในพื้นที่ ลำพูนและเชียงใหม่ กล่าวว่า จากปัญหาแรงงานเก็บลำไย ค่าแรง แพง ต้องแบกรับต้นทุน ถ้ามีลำไยไม่มาก ก็จะเก็บเอง ไปขายตามจุดรับซื้อพอได้ทุนคืน บางสวนเก็บไม่ทันฝนลูกปริแตกก็ปล่อยเน่าคาต้น

“เห็นราคารายวันแล้วหมดแรงเก็บ เพราะ ขนไปเต็มท้ายรถ ได้ไม่กี่ร้อย เก็บกันเป็นวัน ไม่คุ้มค่าจ้าง นอกจากได้มา
ก็เลี้ยงญาติ ๆ ต้องทำสวนลำไยแบบสนุก ๆ ไปหวังรายได้แบบเดิมไม่ได้ แนะนำกันดี ทั้งวิธีทำลำไยคุณภาพ แต่ไม่เคยคิดถึงสภาพ ข้อเท็จจริงที่เป็นไปเลย”

ด้าน นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งลงพื้นที่มาติดตามการแก้ปัญหาลำไยภาคเหนือ ที่ จ.ลำพูน วานนี้ กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับหลาย ๆ ฝ่าย อาทิ สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย สมาคมผู้ประกอบการผลไม้ไทยภาคเหนือ ตัวแทนเกษตรกร ผู้ค้าลำไย เพื่อรับทราบปัญหาและให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ มีผลผลิตรวม 635,394 ตัน แบ่งเป็น ในฤดู 386,065 ตัน นอกฤดู 249,329 ตัน ลำพูนมีผลผลิต 249,964 ตัน เชียงใหม่ 264,070 ตัน ปัจจุบันผลผลิตลำไยภาคเหนือออกสู่ตลาดแล้ว ร้อยละ 15 ซึ่งลำไยในฤดูจะออกสู่ตลาดระหว่าง กรกฎาคมถึงสิงหาคม และจะออกมากในช่วงสิงหาคม ราคาโดยเฉลี่ยมีแนวโน้มลดลงจากหลายสาเหตุ อาทิผลผลิตลำไยมีขนาดเล็ก มีสัดส่วนขนาด เอเอ ร้อยละ 10 เอ ร้อยละ 35 บี ร้อยละ 35 และ ซี ร้อยละ 20 จากปัญหาภัยแล้งในช่วงก่อนหน้าขณะที่การเก็บผลผลิตพบปัญหาลำไยแตกจากฝน ตลาดส่งออกหลักคือจีนและอินโดนีเซีย ต้องการลำไยขนาดเอเอ และ เอ มากที่สุด ขาดแคลนแรงงานในการทำลำไยช่อ เกษตรกรจึงต้องขายเป็นรูดร่วง ซึ่งราคาต่ำกว่ามาก

“ประเด็นสำคัญคือตลาดการค้าลำไยอบแห้งรอสถานการณ์ เนื่องจากพ่อค้าชาวจีนไม่สามารถเดินทางเข้ามาดูสินค้า ในพื้นที่ได้ แนวทางการแก้ไขปัญหาโดยกรมการค้าภายในได้อนุมัติกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการรวบรวมและกระจายผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต ขอให้มั่นใจว่ากรมการค้าภายในจะดูแลเกษตรกรอย่างดีที่สุด และขอให้เกษตรกรดูแลผลผลิตลำไยให้ดีทั้งขณะที่อยู่บนต้นและภายหลังจากการเก็บเกี่ยวแล้ว แม้ว่าขณะนี้ราคาจะยังไม่สูงมาก แต่หากผู้ประกอบารสามารถเริ่มกระจายผลผลิตได้มากขึ้น ราคาก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาดแน่นอน”

ร่วมแสดงความคิดเห็น