คาดเป็นอุบัติเหตุ พยานปากเอก “บอส ทายาทกระทิงแดง” เสียชีวิตกลางดึก จนท.พิสูจน์หลักฐาน เช็คร่องรอยการชน เตรียมรวบรวมหลักฐานส่ง ตร.

วันที่ 31 ก.ค.63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีการเสียชีวิตของ นายจารุชาติ​ มาดทอง อายุ 40 ปี หนึ่งในพยานปากสำคัญในคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง ที่ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งชนกันในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 30 ก.ค.63 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้ และต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้มีการเชิญตัว นายสมชาย ยาวิโน อายุ 50 ปี คู่กรณีอุบัติเหตุดังกล่าวมาสอบสวน ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า ถูกรถจักรยานยนต์ผู้เสียชีวิตพุ่งชนท้าย จนทำให้รถของตนขับพุ่งไปชนเกาะกลางถนนได้รับบาดเจ็บ และยืนยันว่าไม่เคยรู้จัดกับผู้เสียชีวิตมาก่อนแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ทราบด้วยว่าผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่เป็นพยานในคดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง แม้แต่น้อย แต่ต่อมาก็มรประเด็นที่ทางโลกโซเชียลตั้งแง่สงสัยว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีเงื่อนงำหรือไม่ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ช่วงสายของวันนี้ (31 ก.ค.63) ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภาค 5 นำโดย พล.ต.ต.ดิเรก ธนานนท์นิวาส ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้ร่วมกันทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรณีที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยการนำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตและรถจักรยานยนต์คู่กรณี มาทำหารตรวจสอบร่องรอยการชนอย่างละเอียด เพื่อนำข้อมูลไปประกอบคำให้การ และคลิปวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ที่มีการเผยแพร่ออกไป โดยทราบว่า รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ทะเบียน ครข 221 เชียงใหม่ มีนายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานปากสำคัญในคดี บอส อยู่วิทยา เป็นผู้ขับขี่ และ รถจักรยานยนต์ ทะเบียน 7 ค 2340 เชียงใหม่ ของนายสมชาย ยาวิโน อายุ 50 ปี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ญาติยืนยันไม่รู้ ‘จารุชาติ’พยานปากเอกคดี “บอส ทายาทกระทิงแดง” ทำงานที่ไหน หรือเป็นพยานหรือไม่ 

พล.ต.ต.ดิเรก กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ท.วิเชียร ตันตระวิระยะ ผบช.สพฐ.ตร. ให้มาตรวจหาร่องรอยการเฉี่ยวชนเพื่อประกอบสำนวนคดี โดยหลักฐานวัตถุพยานทั้งหมดจะต้องนำหลักฐานไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ ก่อน วันนี้ยังบอกอะไรไม่ได้และยังไม่ขอลงความเห็นอะไร แต่คาดว่าหลังตรวจสอบเสร็จแล้วจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ส่วนจะใช้เวลาในการตรวจหลักฐานยนานเท่าไหร่ ศพฐ.5 จะทำให้เร็วที่สุด

ส่วนความคืบหน้าในการสอบสวน พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ บอกสั้น ๆ ว่า ยังไม่มีอะไร ส่วนที่เดินทางไปบ้านเกิดของนายจารุชาติที่จังหวัดเชียงราย ทางครอบครัวยังคงยืนยันไม่ทราบว่านายจารถชาติไปเป็นพยานในคดีสำคัญ ส่วนที่ทำงานของผู้ตาย กำลังตรวจสอบ ส่วนผลการชันสูตรศพกำลังรออยู่ ตอนนี้ยังไม่ได้ผลออกมา

รายงานแจ้งว่านายจารุชาติมีชื่อเป็นลูกจ้างทำงานอยู่ในสำนักงานทนายความแห่งหนึ่งในตำบลแม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ แต่ไม่มีการยืนยันข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่วันเดียวกันนี้ตำรวจได้เชิญตัว นายสมชาย คู่กรณีมาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับส่งตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โดยนายสมชายบอกกับผู้สื่อข่าวว่ายังระบบกับบาดแผลจากอุบัติเหตุและยืนยันว่าตรเองถูกคู่กรณีขี่รถชนท้าย ไม่ได้เป็นคนขี่ชนอย่างที่หลายคนสงสัย

ขณะที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่นายจารุชาติขี่มาก่อนประสบอุบัติเหตุ เพื่อตอบข้อสงสัยที่ว่าก่อนจะเกิดการเฉี่ยวชน มีรถคันอื่นขับขี่ติดตามหรือไล่มาจนทำให้ต้องขี่จักรยานยนต์หลบหนีหรือไม่

นอกจากนี้ในเวลาต่อมา ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง นายนิรันดร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์เก๋งขณะยูเทรินใกล้กับจุดเกิดเหตุ ก่อนที่รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันจะเกิดชนกัน ได้เล่าว่า ขณะนั้นได้ขับรถรับผู้โดยสารมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านดังกล่าว และขณะนั้นได้กำลังขับรถเพื่อยูเทริน ตามที่ปรากฎในคลิป ระหว่างนั้นตนและผู้โดยสารก็ได้ยินเสียงรถครืดดัง ซึ่งผู้โดยสารยังถามกับตนว่าขับรถชนอะไรหรือเปล่า ซึ่งตนก็บอกว่าไม่ได้ชน และจากนั้นเมื่อยูเทรินเสร็จ จะมุ่งหน้าไปทางแยกเมญา ก็เห็นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งพุ่งมาชนเกาะกลางด้วยความแรง ร่างของคนขับก็ตกลงไปในพงหญ้าบริเวณเกาะกลาง และเมื่อขับมาอีกนิดก็พบผู้บาดเจ็บอีกรายนอนสลบอยู่ใกล้กับรถจักรยานยนต์ และจากการที่ตนเห็นคลิปยังคิดว่าคนที่รถพุ่งมาด้วยความเร็วสูงน่าจะเป็นคนชนอีกคนที่นอนสลบอยู่ที่รถ เพราะตนเห็นว่าคนดังกล่าวได้พุ่งชนเกาะกลางอย่างเร็ว แล้วก็ตกลงพงหญ้าหายไปเลย ส่วนอีกคนที่นอนสลบในตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะตอนนั้นก็รีบไปส่งผู้โดยสาร จึงไม่ได้จอดลงช่วย แต่ก็เห็นมีคนจอดรถอยู่อีกฝากถนน 2-3 คน ก็ควักโทรศัพท์มาและคิดว่าคงโทรเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ ตนจึงขับรถต่อไป และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตนก็คิดว่าเป็นอุบัติเหตุ เนื่องจากตอนนั้นเป็นช่วงดึก ฝั่งถนนที่ตนขับมาก่อนจะยูเทรินก็มีถนนโล่งมาก และก่อนเกิดเหตุที่ตนขับมาตามเส้นทางดังกล่าวก็ไม่พบเห็นรถจักรยานยนต์ทั้งคันขับตามกันมาแต่อย่างใด เนื่องจากตอนนั้นถนนก็โล่งมาก

ร่วมแสดงความคิดเห็น