ปภ.รายงานเกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 13 จังหวัด คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย

วันที่ 5 ส.ค.63 เวลา 09.30 น. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดน้ำไหลหลากจากอิทธิพลพายุ “ซินลากู” (SINLAKU) ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ น่าน อุตรดิตถ์ ลำปาง พะเยา เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ พิษณุโลก เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม และกาฬสินธุ์ รวม 13 จังหวัด รวม 45 อำเภอ 109 ตำบล 459 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,622 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย (หนองบัวลำภู พิษณุโลก อุดรธานี) ผู้บาดเจ็บ 1 ราย (พิษณุโลก) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลพายุ “ซินลากู” (SINLAKU)
ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (5 ส.ค.63 เวลา 06.00 น.) ส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำไหลหลาก รวม 13 จังหวัด รวม 45 อำเภอ 109 ตำบล 459 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,622 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย (หนองบัวลำภู พิษณุโลก อุดรธานี) ผู้บาดเจ็บ 1 ราย (พิษณุโลก) แยกเป็น ภาคเหนือ 8 จังหวัด 32 อำเภอ 82 ตำบล 345 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,381 ครัวเรือน ดังนี้ น่าน มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองน่าน อำเภอภูเพียง อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา อำเภอปัว อำเภอบ้านหลวง และอำเภอท่าวังผา รวม 19 ตำบล 64 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 686 ครัวเรือน อุตรดิตถ์ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฟากท่า และอำเภอน้ำปาด รวม 4 ตำบล 9 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 371 ครัวเรือน ลำปาง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังเหนือ อำเภอแจ้ห่ม อำเภอเมืองปาน และอำเภองาว รวม 12 ตำบล 60 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 2,180 ครัวเรือน พะเยา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปง อำเภอเชียงม่วน อำเภอเมืองพะเยา และอำเภอดอกคำใต้ รวม 13 ตำบล 50 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 823 หลังเชียงราย มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเวียงป่าเป้า และอำเภอสรวย รวม 9 ตำบล 107 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 14,940 ครัวเรือน เชียงใหม่ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ รวม 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันทราย อำเภอฝาง อำเภอไชยปราการ อำเภอพร้าว อำเภอสะเมิง อำเภอแม่อาย อำเภอเชียงดาว และอำเภอแม่แตง รวม 18 ตำบล 35 หมู่บ้าน แพร่ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองแพร่ และอำเภอสอง รวม 4 ตำบล 13 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 10 ครัวเรือน พิษณุโลก มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 อำเภอได้แก่ อำเภอนครไทย และอำเภอชาติตระการ รวม 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 371 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย ผู้บาดเจ็บ 1 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด 13 อำเภอ 27 ตำบล 114 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,241 ครัวเรือน ดังนี้ เลย มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเลย อำเภอเชียงคาน อำเภอปากชม และอำเภอนาด้วง รวม 9 ตำบล 37 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 795 ครัวเรือน หนองบัวลำภู มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 อำเภอ ได้แก่อำเภอนากลาง และอำเภอนาวัง รวม 5 ตำบล 15 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 250 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย อุดรธานี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนายูง อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ และอำเภอเพ็ญ รวม 10 ตำบล 57 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 193 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย นครพนม ได้รับผลกระทบในพื้นที่อำเภอบ้านแพง รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน กาฬสินธุ์ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาคู และอำเภอหนองกุงศรี รวม 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเจ้าหน้าที่พร้อมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ และยานพาหนะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยขนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่สูงและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค อีกทั้ง จัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น