ป.ป.ส. ขายทอดตลาดทรัพย์สิน ที่ยึดจากผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เดือนกันยายน กว่า 1,000 รายการ ย้ำผู้กระทำผิดนอกจากรับโทษคดีอาญาแล้ว ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องถูกยึด

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ในเดือนกันยายน 2563 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้กำหนดจัดขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดได้จากผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด รวมกว่า 1,000 รายการ อาทิ ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ วัตถุมงคล ยานพาหนะ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องมือสื่อสาร ซึ่งจะมีการจัดขายทอดตลาดทั้งที่สำนักงาน ป.ป.ส. ถนนดินแดง และสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค ทั่วประเทศ โดยกระบวนการขายทอดตลาด จะปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่าทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดในเดือนกันยายน 2563 นี้ แบ่งออกเป็นทรัพย์สินในชั้นมีคำสั่งยึดและไม่เหมาะสมที่จะเก็บรักษาไว้ 622 รายการ และทรัพย์สินที่มีคำสั่งตกเป็นของกองทุน ป.ป.ส. 395 รายการ รวม 1,017 รายการ รวมมูลค่าประเมินเบื้องต้น 30 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณถึงปัจจุบัน (ตุลาคม 2562 – สิงหาคม 2563) สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินในชั้นมีคำสั่งยึด และไม่เหมาะสมที่จะเก็บรักษาไว้แล้วกว่า 2,000 รายการ มูลค่าประมาณ 123 ล้านบาท และทรัพย์สินที่มีคำสั่งตกเป็นของกองทุน ป.ป.ส. กว่า 2,300 รายการ มูลค่าประมาณ 98 ล้านบาท ซึ่งในส่วนทรัพย์สินที่มีคำสั่งตกเป็นของกองทุน ป.ป.ส. นั้นจะถูกนำไปใช้สนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณของแผ่นดิน

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นนโยบายเร่งด่วน ซึ่ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กำหนดให้มีการปราบปรามยาเสพติดแนวใหม่ ด้วยการมุ่งขยายผลยึดทรัพย์สินเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด จึงขอย้ำว่าการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดไม่ว่าจะในลักษณะใด ๆ นอกจากผู้กระทำผิดจะต้องโทษทางอาญา ซึ่งอาจถึงขั้นประหารชีวิตแล้ว ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทั้งหมดจะต้องถูกยึดอายัดทั้งสิ้น

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวตอนท้ายว่า ขอให้พี่น้องประชาชนทราบว่า รัฐบาลได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตตามปกติของพี่น้องประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและทางราชการไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยลำพัง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้สมาชิกในครอบครัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่ว่าลักษณะใด ๆ ซึ่งจะเป็นการป้องกันในขั้นต้น และมีผลโดยตรงต่อการช่วยลดปัญหายาเสพติดของประเทศ ทั้งนี้ หากพบผู้มีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย “สมัครใจเข้าบำบัด ไม่เสียประวัติ ไม่มีความผิด”

แจ้งเบาะแสยาเสพติด ผ่านสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386

ร่วมแสดงความคิดเห็น