“กองทัพภาคที่ 3” ตรวจเข้มชายแดน สกัดแรงงานต่างด้าวลอบเข้าเมือง หลังสถานการณ์โควิด-19 ในเมียนมายังน่าเป็นห่วง

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้แรงงานต่างด้าวบางส่วน พยายามลักลอบเข้ามาในไทย ตามช่องทางท่าข้ามธรรมชาติตามแนวชายแดน โดยไม่ผ่านกระบวนการกักตัว (State Quarantine) จนเกิดความกังวลว่าจะมีการระบาดซ้ำอีก ทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องวางมาตรการคุมเข้มตามแนวชายแดนภาคเหนือทุกจุด

พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 เน้นย้ำให้ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 กองกำลังผาเมือง ได้เพิ่มความเข้มงวด กำชับทุกหน่วยในพื้นที่จังหวัดเชียงรายปฏิบัติอย่างจริงจัง ใช้ทรัพยากรทั้งเครื่องมือและกำลังพล ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด CCTV บริเวณช่องทางท่าข้าม, การวางเครื่องกีดขวางลวดหนามหีบเพลง, การใช้โดรนเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน, การลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน ทั้งทางพื้นดินและทางน้ำ, การซุ่มเฝ้าตรวจในพื้นที่, การตั้งจุดตรวจจุดสกัดกั้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้โดรนติดอินฟราเรดบินตรวจจับในช่วงเวลากลางคืนด้วย

เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 กองกำลังผาเมือง จัดกำลังลาดตระเวนคุมเข้มตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ของจังหวัดเชียงราย เพื่อสกัดกั้นและป้องกันแรงงานต่างด้าวฉวยโอกาสลักลอบหลบหนีเข้าเมือง หลังพบมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรัฐต่าง ๆ ของเมียนมา ทำให้มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก

ซึ่ง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 ชายแดน ประกอบด้วย อำเภอแม่สาย, อำเภอแม่ฟ้าหลวง, อำเภอแม่จัน และ อำเภอเชียงแสน จึงยกระดับมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาโดยผิดกฎหมายแล้ว ยังมีการสกัดกั้น ผู้ที่ต้องการลักลอบขนย้ายสิ่งผิดกฎหมาย ข้ามมาฝั่งไทย ตามช่องทางธรรมชาติตลอดแนวชายแดนของ 4 อำเภอด้วย

กองกำลังผาเมือง จึงเพิ่มกำลังทหารและความถี่ในการลาดตระเวน พร้อมทั้งใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินลาดตระเวน ในจุดที่ล่อแหลม และติดตั้งไฟส่องสว่างแบบโซลาร์เซลล์ พร้อมกล้องวงจรปิด จัดกำลังพลประจำช่องทางหรือท่าข้าม เฝ้าหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง วางรั้วลวดหนาม และปรับปรุงให้มีความแข็งแรง ตลอดจนรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านผู้นำชุมชนทั้ง 4 อำเภอ ให้ทราบ ถึงการแพ่รระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเพิ่อนบ้านในครั้งนี้

ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 ประสานความร่วมมือหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ สกัดกั้นลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างผิดกฎหมาย โดยเดินทางผ่านบริเวณช่องทางธรรมชาติ ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา รวมถึงมาตรการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ออกลาดตระเวนเส้นทางธรรมชาติ ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างผิดกฎหมาย ของแรงงานต่างด้าว

ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 กองกำลังผาเมือง ได้บูรณาการส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ติดตามค้นหาแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบกลับเข้าไทย ทั้งในสถานประกอบการและสถานที่ที่มีการใช้แรงงานข้ามชาติ หากพบให้ดำเนินการตามกฎหมายและมาตรการทางสาธารณสุข

พร้อมจัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน แพทย์ทหาร ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ไปยังหมู่บ้าน ชุมชน ช่วยเฝ้าระวังสอดส่อง หากพบบุคคลต้องสงสัย ให้แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ทางสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตลอดจนสร้างการรับรู้เรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ให้กับชาวบ้าน รวมถึงช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับส่วนราชการ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งสร้างเครือข่ายระดับจังหวัด-อำเภอ-ตำบล-หมู่บ้าน ตรวจสอบผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ และมีชุดเคลื่อนที่เร็ว จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมสนับสนุน หากพบผู้ติดเชื้อข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น