สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกเอกสาร แผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วน
จังหวัด (ส.อบจ.) และนายก อบจ. ว่าตามที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แจ้งต่อ กกต.ว่ามีมติอนุมัติให้มีการเลือกตั้ง อบจ.นั้น ต่อมา กกต. ได้มีการประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา และมีมติเห็นชอบร่างแผน ซึ่งในวันที่ 26 ต.ค.นี้ จะประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.อบจ. และ นายก อบจ. โดยจะรับสมัครช่วง 2-6 พ.ย. 2563 และวันเลือกตั้ง อาทิตย์ที่ 20 ธ.ค.นี้
ขอเรียนชี้แจงว่าการที่ต้องประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง 26 ต.ค. นี้ ซึ่งจะมีผลให้ ส.อบจ. และผู้บริหารหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น และต้องเลือกตั้งตามกำหนดดังกล่าว เพราะมีการปรับปรุงข้อมูลคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้เป็นปัจจุบัน ซึ่งส่วนหนึ่งมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
“จะกระทบต่อรายชื่อผู้ได้รับการสรรหา เข้ามาเป็นคณะกรรมการเลือกตั้งประจำ อปท. จึงต้องปรับปรุง เพื่อไม่ให้มี
ปัญหา ประกอบกับช่วง 20-21 ต.ค. นี้ จะมีการชี้แจงและซักซ้อมการดำเนินงานตามแผน ให้ปลัด อบจ.ทั่วประเทศรับทราบด้วย การประกาศกำหนดเลือกตั้ง ต้องกำหนดภายใน 60 วัน โดยนับจากวันที่ 26 ต.ค. นี้ ที่ กกต.กำหนดประกาศวันเลือกตั้ง อบจ. 20 ธ.ค. 2563 จึงถือว่า ถูกต้องตามระเบียบ เป็นไปตามแผนจัดการเลือกตั้ง”
ด้านคณะกรรมการสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย กล่าวว่าการเลือกตั้ง อบจ. 76 จังหวัด ตามมติคณะรัฐมนตรี ภาย
หลังเว้นวรรคจะเข้าวาระที่ 3 นั้น จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจทั่วประเทศ เป็นการกระจายรายได้ เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเป็นหมื่น ๆ ล้านบาท
ในขณะที่อดีตผู้บริหารท้องถิ่น (อบจ.) กล่าวว่า “การเลือกตั้งจะเป็นอีกกิจกรรม ที่มีประสิทธิภาพไม่ด้อยกว่า โครงการ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น เพราะจังหวัดเล็ก ๆ ค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ เชื่อว่าไม่หนี 70-100 ล้านบาท ส่วนจังหวัดใหญ่นั้น ต้องมี 3-5 ร้อยล้าน ไม่ต้องไปมองโลกสวยว่าค่าใช้จ่าย ค่าสมัครไม่กี่พันบาท คนทำงานการเมือง ลงพื้นที่หาเสียง แบบเกาะติดพื้นที่ จะทราบดีว่า คำมั่นสัญญา การชูนโยบายล้วน ๆ โดยไม่มีรูปแบบใจถึง พึ่งได้บ้าง คงเป็นเรื่องยากที่จะรักษาฐานเสียงไว้ได้ บ้านเรากว่าจะเป็นผู้นำชุมชน บางตำแหน่ง หมดกันเป็นล้าน ๆ กับเงินเดือน
หมื่นกว่าบาท ไม่ต้องตั้งคำถามว่า เพราะอะไรถึงอยากได้ตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้ ชาวบ้านน่าจะมีคำตอบ”
ร่วมแสดงความคิดเห็น