จ.เชียงใหม่ ย้ำ 5 อำเภอ ห้ามปล่อยโคมลอยเด็ดขาด ช่วงยี่เป็งยกเลิก-เปลี่ยนแปลงเวลาการบิน รวม 45 เที่ยวบิน

นายกฤษฎา พุกะทรัพย์ รองผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวทางในการปฏิบัติเพื่อป้องกันผลกระทบจากการปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) ในเทศกาลลอยกระทงหรือประเพณียี่เป็งว่า ขอให้ยึดปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) ซึ่งปรับปรุงใหม่เมื่อปี พ.ศ.2562 โดยในมาตรา 33 ได้เพิ่มความตามมาตรา 59/1 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และรัฐบาลได้ประกาศมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัย และการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ในการจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 โดยอ้างอิงตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ ไม่อนุญาตให้มีการจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศอย่างเด็ดขาดในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ 1. อำเภอเมืองเชียงใหม่ ครอบคลุมทุกตำบล 2. อำเภอหางดง ครอบคลุมทุกตำบล 3. อำเภอสารภี ใน 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลขัวมุง ดอนแก้ว ท่าวังตาล และหนองผึ้ง 4. อำเภอแม่ริม ใน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลดอนแก้ว ริมใต้ และแม่สา และ 5. อำเภอสันทราย 1 ตำบล คือ ตำบลหนองหาร

ทั้งนี้พื้นที่ทั้ง 5 อำเภอ ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศดังกล่าว มีระยะห่างจากกึ่งกลางทางวิ่ง (runway) ไปทางทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก ขนานกับทางวิ่งข้างละ 6 กิโลเมตร และแนวขึ้นลงทางวิ่ง ด้านทิศเหนือกับทิศใต้ ห่างจากหัวทางวิ่งไปข้างละ 15 กิโลเมตร โดยความกว้างของแนวตามมาตรฐานกำหนดมีรูปร่างคล้ายกรวยน้ำ เมื่อกำหนดรูปร่างออกมาแล้ว จะมีลักษณะคล้ายห่อลูกอมหรือเรียกง่าย ๆ ว่า Toffy zone ส่วนพื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ขอให้ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ ในเรื่องมาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยและการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ในการจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นสู่อากาศ พ.ศ. 2559

โดยมีสาระสำคัญเช่น การกำหนดพื้นที่ห้ามปล่อยโคม กำหนดชนิด ขนาด และจำนวน และกำหนดระยะเวลาในการจุดหรือปล่อย คือ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงหรือยี่เป็ง ให้ปล่อยได้ในคืนวันลอยกระทงเล็ก และวันลอยกระทงใหญ่ ระหว่างเวลา 19.00-01.00 น. ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 โดยต้องแจ้งขออนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ ก่อน 15 วัน หลังจากได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ ต้องแจ้ง ท่าอากาศยานเชียงใหม่หรือศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่  ก่อน 7 วัน เพื่อจะได้ออกประกาศเตือนนักบิน (NOTAM) ต่อไป

สำหรับการรณรงค์เรื่องการปล่อยโคมลอยให้ปลอดภัย ก่อนหน้านี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัด สถานศึกษาและชุมชนที่อยู่ในเขตความปลอดภัยในการเดินอากาศ ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนให้รับทราบ ถึงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน และ Social Media โดยเปิดช่องทางให้สอบถาม และตรวจสอบพื้นที่ปล่อยโคมลอยในจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านเพจ Facebook/Chiang Mai International Airport-CNX ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มรอบความถี่ในการตรวจสอบ บริเวณพื้นที่ของสนามบินทั้งภายในเขตการบินและนอกเขตการบิน โดยเฉพาะในเขตการบินหรือ Airside จะมีการออกตรวจทางวิ่งทางขับจากเดิมวันละ 4 ครั้ง เป็น 10 ครั้ง เพื่อตรวจเก็บซากโคมที่อาจถูกกระแสลมพัดมาตกในพื้นที่เขตการบิน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการเก็บโคมลอยและโคมควัน โดยพร้อมออกไปเก็บซากโคมลอยได้ทันที หากได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินหรือจากนักบิน

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังได้ขอความร่วมมือสายการบินต่างๆ พิจารณาปรับเปลี่ยนเวลาทำการบินในช่วงเทศกาลลอยกระทง เพื่อลดความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยโคมลอย โดยระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน2563 (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2563) มีเที่ยวบินที่แจ้งยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาการบิน รวมทั้งสิ้น 45 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินยกเลิก จำนวน 12 เที่ยวบิน และเที่ยวบินที่เปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินจำนวน 33 เที่ยวบิน ซึ่งถึงแม้ว่าเที่ยวบินที่ทำการบินตามตารางเวลาปกติ สายการบินจะทำการยกเลิกเที่ยวบินในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว แต่สนามบินเชียงใหม่ก็ยังเป็นสนามบินที่ใช้สำรอง ให้อากาศยานที่มีเหตุขัดข้องจำเป็นต้องขอลงจอดฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น จึงไม่สามารถปล่อยโคมลอยในเขตปลอดภัย ในการเดินอากาศโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนปล่อยโคมลอยในเขต Toffy Zone ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ย้ำด้วยว่าท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสืบสานประเพณีลอยกระทง ซึ่งเป็นประเพณีที่ดีงามของไทย ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้โดยสารและอากาศยาน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการบิน และจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นจากนานาชาติ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ยึดปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 และประกาศจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2559 อย่างเคร่งครัดต่อไป

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น