“เคพกูสเบอร์รี่” (Cape Gooseberry) สุดยอดผลไม้ ผลผลิตจากมูลนิธิโครงการหลวง

“เคพกูสเบอร์รี่” (Cape Gooseberry) เป็นผลผลิตไม้ผล ที่มูลนิธิโครงการหลวงได้นำมาทดลองปลูกในโครงการ Small fruit ตั้งแต่ปี พ.ศ.  2522  ในตระกูลเดียวกับพริก  มะเขือ  มะเขือเทศ  มันฝรั่ง  ยาสูบ  พิทูเนีย  บางครั้งเรียก Strawberry  tomato, Husk tomato และ  Ground Cherry  มีชื่อเรียกแบบไทยว่า “โทงเทงฝรั่ง”  และชื่อที่ตั้งขึ้นมาใหม่อย่างสวยงามว่า “ระฆังทอง”  ฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะอยู่ในช่วงเดือน พฤศจิกายน – เมษายน ของทุกปีจัดเป็น    ผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย มีลักษณะเป็นผลไม้ลูกกลมๆ อยู่ภายใต้กลีบเลี้ยงบาง ๆ สีเหลืองอ่อน เมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองอมส้ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว สามารถทานเดี่ยว จิ้มเกลือ หรือพลิกแพลงทานเป็นของว่างอย่างอื่นได้

ในระยะเริ่มต้น มูลนิธิโครงการหลวงได้นำพันธุ์มาจากต่างประเทศเข้ามาปลูกทดสอบ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด เพื่อเป็นพืชเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกร และขยายให้เกษตรบางรายปลูกเป็นการค้า แต่พันธุ์ที่นำเข้ามาปลูกเป็นพันธุ์ที่มีรสชาติขื่น ไม่อร่อย ทำให้ไม่ได้รับความนิยม จึงได้ทำการศึกษาวิจัยหาพันธุ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพดี รสชาติอร่อย มาทดแทนพันธุ์เดิม จนกระทั่งปี 2554 ได้มีงานวิจัยคัดเลือกพันธุ์เคพกูสเบอร์รี่ และสามารถคัดเลือกจนได้พันธุ์ใหม่ที่มีรสชาติดี หวาน มีกลิ่นหอม  ลูกใหญ่สีเหลืองทอง นำขึ้นทะเบียนพันธุ์กับกรมวิชาการเกษตร ในชื่อ เคพกูสเบอร์รี่พันธุ์เหลืองทอง

ปัจจุบันส่งเสริมให้กับเกษตรกรปลูกในพื้นที่โครงการหลวงรวม 253 ราย บนพื้นที่ปลูก 347.9 ไร่ โดยมีพื้นที่ที่ปลูกมากที่สุด ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแกน้อย อ.เชียงดาว และศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ตามลำดับ

มีข้อมูลทางโภชนาการ ระบุไว้ว่า เคพกูสเบอร์รี จำนวน 140 กรัมเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต 15.7 กรัม ไฟเบอร์ 6 กรัม มีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) หลายชนิดที่ช่วยยับยั้งการอักเสบของเซลล์และช่วยควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน มีวิตามินซีถึง 4 มิลลิกรัม ซึ่งช่วยให้การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง มีวิตามินเคสูง อันเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นต่อกระดูก กระดูกอ่อน และฟัน มีสารลูทีน (Lutein) และเบตาแคโรทีน (Beta-Carotene) รวมไปถึงสารแคโรทีนอยด์ต่างๆ ที่ช่วยป้องกันการเป็นโรคต่างๆ เกี่ยวกับตา ทั้งยังสามารถป้องกันการสูญเสียการมองเห็นจากการเป็นโรคเบาหวานได้ ทั้งนี้ยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย อีกทั้งจากการศึกษาวิจัยยังพบว่ามีโอเมก้า 3 ที่มีผลต่อการพัฒนาของระบบประสาทช่วยด้านความจำในผู้ใหญ่ป้องกันความจำเสื่อม ทำให้ความจำดีขึ้นและยังลดอาการของโรคหอบหืดได้อีกด้วย

ข้อมูลบางส่วนจาก
1.  https://hellokhunmor.com/สุขภาพชีวิตที่ดี/โภชนาการ/เคพกูสเบอร์รี
2. ภัชรี สิทธิกิจโยธิน และพรชัย เหลืองบริสุทธิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โภชนาการของเนื้อผลเคพกูสเบอร์รี

ร่วมแสดงความคิดเห็น