(มีคลิป) แกนนำม็อบเชียงใหม่ เดินทางรายงานตัวสำนักงานอัยการ คดี 116

แกนนำม็อบเชียงใหม่ เดินทาง รายงานตัวสำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ คดี 116 ล่าสุดขอยื่นประกันตัว เตรียมรอรับคำสั่งศาลอาจมีการฟ้องร่วมกับ ทนายอานนท์ และนายประสิทธิ์ วันที่ 1 ธ.ค.นี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 พ.ย.63 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่บริเวณหน้าสำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีกลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย นายวัชรภัทร ธรรมจักร , นายธนาธร วิทยเบญจางค์ , นายวิทยา คลังนิล ,น.ส.สุปรียา ใจแก้ว นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , นายสุริยา แสงแก้วฝั้น ศิษย์เก่าอดีตนักศึกษาปริญญาโท , นายณัฐวุฒิ คติเวชกุล และ ดร.เพ็ญสุภา สุขคะตะ นักวิชาการอิสระ ได้เดินทางมารายงานตัวและให้ปากคำเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงทำสัญญาประกันตัวใหม่ หลังถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหากระทำความผิด ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ,ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง , ฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมโดยจัดให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค หรือกระทำการอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนหรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่เชื้อโรค ณ ที่ใดๆ ทั่วราชอาณาจักรร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดแพร่ออกไป , ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

โดยในระหว่างการเข้าพบและรายงานตัวกับอัยการ ได้มีกลุ่มคณะอาจารย์ และเพื่อนๆ เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมทั้งทางกลุ่มยังได้มีการอ่านแถลงการณ์เครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อความเท่าเทียมระหว่างเพศ (CSOs for Gender Equality) และภาคีเครือข่ายคัดค้านการออกหมายจับ รวมถึงเรียกร้องให้ยุติดำเนินคดีต่อผู้ร่วมชุมนุมและปราศรัยเวทีเชียงใหม่ ที่บริเวณด้านหน้าป้ายสำนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นไปอย่างสงบสันติ ก่อนจะมีการแยกย้ายกันเดินทางกลับ เพื่อดูสถานการณ์ต่อไปว่าจะมีการฟ้องเกี่ยวกับคดีเดียวกันกับทาง นายอานนท์ นําภา และ นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ ในวันที่ 1 ธ.ค.63 ที่จะถึงนี้หรือไม่

 

ทั้งนี้ทางด้าน นายวัชรภัทร ธรรมจักร แกนนำนักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ เปิดเผยว่าภายหลังการร่วมอ่านแถลงการณ์ดังกล่าวในครั้งนี้ว่า สำหรับการเดินทางมาในวันนี้ เป็นการเดินทางมารายงานตัวกับทางอัยการจังหวัดอีกคดีหนึ่ง ซึ่งเป็นคดี 116 ที่ทางพนักงานสอบสวนเพิ่งแจ้งไป และได้มาส่งสำนวน ส่งตัวพร้อมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการพิจารณาในชั้นอัยการต่อไป ซึ่งทางกลุ่มได้มีการยื่นประกันตัว โดยตอนแรกก็มีปัญหาอยู่บ้างเนื่องจากโดยส่วนตัวนักศึกษาไม่มีปัญหา แต่มีนักศึกษาที่ ม.ราชภัฏเชียงรายและที่เป็นอาจารย์ รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่เป็นศิษย์เก่า ไม่สามารถประกันตัวได้ แต่หลังการเจรจาก็ได้รับความเมตตาจากทางอัยการ ทำให้สามารถประกันตัวในนามของนายประกันคืออาจารย์มหาวิทยาลัยได้ และไม่ได้มีปัญหาอะไร พร้อมทั้งได้มีการยื่นประกันเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็จะรอคำสั่งว่าจะมีการฟ้องในวันที่ 1 ธ.ค.63 หรือไม่ แต่เท่าที่ทราบก็น่าจะมีการฟ้อง เนื่องจากว่าคดีของเราเป็นคดีที่มัดรวมกับของ นายอานนท์ นําภา และ นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ ที่ถูกจับกุมและฝากขังที่เรือนจำแม่แตงก่อนหน้านี้ ที่เป็นคดีเดียวกันอยู่ในคดีรวมกับพวก ที่คาดว่าน่าจะฟ้องในวันเดียวกันคือวันที่ 1 ธ.ค.63

ขณะเดียวกันในส่วนของการเคลื่อนไหวหลังจากนี้นั้น ยังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพราะเรายังยืนยันในหลักการเดิมในการที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเท่าเทียมจริงๆ โดยเฉพาะในส่วนของประชาชนที่ถูกปัดตกไปในสภา ซึ่งตนมองว่า ร่าง 1-2 ที่เป็นของฝั่งรัฐเองนั้นยังไม่ยุติธรรม และยังไม่เป็นข้อเรียกร้องโดยตรงจากประชาชนหรือผู้เรียกร้องที่ออกมาเรียกร้อง รวมไปถึงการให้นายกรัฐมนตรีลาออก และข้อที่สำคัญคือการปฏิรูปสถาบัน ที่เรามองว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้านั้นไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่เราก็ยังจะผลักดันและยังต่อสู้ต่อไป มากไปกว่านั้นเราเห็นว่าการใช้เครื่องมือคือ กฎหมาย มาเป็นอุปสรรคกับพวกเรานั้นไม่ได้มีอุปสรรคหรือมีปัญหาต่อการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด และอย่างมากสุดก็มีปัญหากับตัวเรา แต่ยังมีคนอื่นที่พร้อมจะออกมา และตนยังตั้งข้อสังเกตอีกอย่างด้วย เกี่ยวกับคดีนี้ที่ได้มาในวันนี้คือคดี 116 ที่ แจ้งว่าเรามีการยุยง ปลุกปั่นทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อรัฐนั้น ตนมองว่ามันเป็นคดีที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคมที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย เพราะเราเพียงแค่ออกมาเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่มันควรจะเป็น และรอดูอีกอย่างหนึ่งคือ ในวันที่ 2 ธ.ค.63 ซึ่งเป็นคดีของ นายประยุทธฯ ในการใช้ประโยชน์ของกองทัพ ที่ยื่นฟ้องไปว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นคดีที่ติดๆ กัน แต่ตนเชื่อว่ายังมีความยุติธรรมอยู่ในสังคมไทยถ้าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอติดตามดู และการเคลื่อนไหวก็ยังจะมีต่อไปเรื่อยๆ

ร่วมแสดงความคิดเห็น