“สมศักดิ์”เปิดแผน”ปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติดปี 64” เล็งหาทางยึดบิทคอยน์ หลังพบการซื้อขายทางออนไลน์มากขึ้น ยันรัฐบาลให้ความสำคัญต้องสาวให้ถึงต้นตอ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 พ.ย.2563 ที่อาคารอเนกประสงค์ สปท. สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (สปท.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิด “แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564” โดยมี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.ธนินทร์ ปุณศรี รองปลัดกระทรวงกลาโหม นายวีรัส ประเศรษโฐ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย นายสาคร ตั้งวรรณวิบูลย์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายคริสโตเฟอร์ ดี. นีลเซน และหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางและภูมิภาค ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และผู้แทนภาคประชาชน เข้าร่วมงาน

โดยก่อนเข้างาน นายสมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม ได้เดินชมทรัพย์สิน ที่ยึดได้จากการปฏิบัติการสยบไพรี 64/1 เปิดสงครามนักค้า ล่ายึดทรัพย์ ที่นำมาแสดงบริเวณด้านหน้า โดยมีทรัพย์สิน 11 รายการมูลค่าประมาณ 44 ล้านบาท อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 39 คัน อุปกรณ์ตกแต่งมอเตอร์ไซค์ กล้องถ่ายภาพ และบัญชีเงินฝาก

จากนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงานว่า ตนในนามของผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) จุดเน้นของแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 เน้นเรื่องการสืบสวนขยายผลทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดทุกระดับ ตัดวงจรทางการเงิน ยึดทรัพย์สิน กลุ่มการค้ายาเสพติดมิให้นำเงินมาเป็นทุนในการค้ายาเสพติดหรือขยายธุรกิจผิดกฎหมายต่าง ๆ โดยเน้นบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามหลักนิติธรรม ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายในการดำเนินงานไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2563 ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ ที่ผ่านมาการซื้อขายยาเสพติดหลักมาทางสามเหลี่ยมทองคำ และยังพบการซื้อขายผ่านทางออนไลน์ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนและเป็นความท้าทายที่สำคัญของหน่วยงานรัฐ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องปัญหายาเสพติด และมีการกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติไว้ด้วย

“การแก้ไขปัญหายาเสพติดนี้ เราต้องไปให้ถึงต้นตอ เพื่อลดปัญหายาเสพติดในสังคม เพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชน และขยายการยึดทรัพย์จากปีที่แล้ว สำหรับในปี 2564 ผมได้กำหนดเป้าหมายการขยายผล และยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด 10 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดดังนี้ ขอให้ ป.ป.ส.พัฒนากลไกความร่วมมือ ระหว่างประเทศในการช่วยกันแก้ปัญหา เช่น สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (DEA) อย่างการจับกุมสารเคมีที่โกดังบางปะกง เราต้องเรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยเจอ รวมถึงการซื้อขายผ่านทางบิทคอยน์ ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาอยู่ตลอดให้เท่าทัน รวมถึงการทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้แต่ละจังหวัดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้ส่วนกลางทำงานอย่างเดียว โดยให้ ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานกลางในการประสาน “นายสมศักดิ์กล่าว

รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนฝ่ายปราบปราบขอให้เน้นการทำลายเครือข่าย ตัดวงจรทางการเงิน ไม่ให้นำเงินมาขยายเครือข่าย โดยบูรณาการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน และกำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจน ในเรื่องของการยึดทรัพย์เราจะใช้มาตราการที่เกี่ยวข้องใน พ.ร.บ.มาตรการ 2534 หรือ พ.ร.บ.ป.ป.ง. ในส่วนที่ 2 ดูว่าท่านสามารรถทำความเข้าใจกับ พ.ร.บ.มาตรการได้มากน้อยขนาดไหน เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา เรายังไม่ค่อยได้ใช้เต็มกำลัง และหน่วยปราบปรามต้องสามารถประสานงาน ร่วมกับ ป.ป.ง. นี่คือรูปแบบของการยึดทรัพย์ เพราะหากเราไม่ทำงานบูรณาการ เราจะไม่สามารถเดินหน้ายึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติดได้ ซึ่งต้องมีการสัมมนาทำความเข้าใจ พูดคุยกัน จึงให้สำนักงาน ป.ป.ส.เป็นเจ้าภาพในการประสานงาน ที่ผ่านมาเราจับยาเสพติดได้ง่าย แต่เราต้องจ่ายค่านำจับมากกว่ามูลค่าต้นทุนยา เราจึงต้องค่อยๆ ลดให้เท่ากับต้นทุน จะลดมากกว่านี้ยังไม่ได้ เพราะคนจะหาว่าเราลดรางวัลนำจับ ซึ่งตอนนี้เรามี ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่อยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งหากผ่าน การยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่าย ผู้นำจับจะได้รางวัลมากกว่าการจับเม็ดยา และ สำนักงาน ป.ป.ส. ควรมีเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ในการจัดการกับเครือข่ายค้ายาด้วย

ด้าน นายวิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 ในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานบูรณาการ และหน่วยงานในระดับพื้นที่ มีความเข้าใจแนวทางของแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 ตามนโยบายขยายผลยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรยาเสพติด และสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านยาเสพติด ตามกรอบแนวทางของแผนปฏิบัติการ ฯ ดังกล่าว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินแผนปฏิบัติการด้านการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 มีกรอบในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ต้องประสานการดำเนินงานใน 5 มาตรการ ได้แก่ มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ มาตรการปราบปราม และบังคับใช้กฎหมาย มาตรการการป้องกันยาเสพติด มาตรการการบำบัดรักษายาเสพติด และมาตรการการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า โดยอีกปัจจัยที่สำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด คือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชาชน เพราะหน่วยงานราชการไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพังได้ เพื่อให้ลูกหลาน และสังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด เริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวที่เป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดในการสร้างภูมิคุ้มกันให้บุตรหลาน เยาวชน ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือภาคชุมชนที่เป็นพื้นที่ปัญหา ที่ต้องลุกขึ้นมาจัดการร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ของสังคม และการร่วมเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ ด้วยการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งหลายครั้ง ที่ผ่านมาได้มีการนำไปสู่การจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญหลายราย

ร่วมแสดงความคิดเห็น