ผู้ว่าเชียงราย สั่งจับแก๊งค์ขนคนข้ามแดน หลังพบผู้ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ และมีประวัติลักลอบข้ามพรมแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

วันที่ 29 พ.ย.63 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เรียกประชุมด่วนคณะทำงานติดตามการดำเนินงานป้องกัน และควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังจากพบผู้ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ 1 ราย และมีประวัติลักลอบข้ามพรมแดนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้สั่งการให้ใช้มาตรการคุมเข้มตามช่องทางที่มีการลักลอบ ส่วนที่ด่านพรมแดนจะขอความร่วมมือ กับทางการเมียนมาในการสุ่มตรวจคนขับรถบรรทุกชาวเมียนมา หลังจากที่ผ่านมามีการตรวจเฉพาะคนไทย และไม่ให้คนขับรถชาวเมียนมาขับผ่านพรมแดนเข้ามาสู่ชั้นในของประเทศ โดยที่มีรถบรรทุกที่ชายแดนลงทะเบียนผ่านเข้าออกพรมแดนจำนวน 285 คัน

นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุจังหวัดเชียงราย ได้เปิดเผยข้อมูลของหญิงสาวที่ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ ได้ทำงานที่สถานบันเทิงเดียวกันกับหญิงสาวอายุ 20 ปีผู้ติดเชื้อนอกศูนย์กักดูอาการใน จ.ท่าขี้เหล็ก หลังจากนั้นก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อในสถานที่เดียวกันนี้อีก 4 ราย จนกระทั่งพบว่าหญิงสาวที่ จ.เชียงใหม่ เดินทางกลับประเทศไทยมีการติดเชื้อ ซึ่งปัจุบันมีผู้สัมผัสใน จ.เชียงราย จำนวน 51 ราย โดยเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง 49 ราย คือคนที่พาข้ามแดน คนขับรถจากชายแดนไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.แม่สาย พนักงานขับรถและผู้โดยสารรถตู้จาก อ.แม่สาย ของ บขน.คันที่ 11 หมายเลขทะเบียน 10-2973 เชียงราย ออกเวลา 09.30 น. นอกจากนี้ยังมีที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 1 ในเขต อ.เมือง จ.เชียงราย ผู้โดยสารรถบัสปรับอากาศและพนักงานจากสถานีเชียงราย ไปยัง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันได้หาตัวบุคคลต่างๆ ดังกล่าวเจอแล้วเป็นส่วนใหญ่และเข้าสู่กระบวนการควบคุมการระบาดของโรคแล้วแต่ก็มีบางคนที่อยู่ระหว่างตามหาตัวอยู่

 

 

โดยทางจังหวัดเชียงรายได้กำหนดให้ผู้ที่เคยมีประวัติลักลอบมาจากประเทศเมียนมาให้ไปรายงานตัวที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โดยมอบหมายให้ทางฝ่ายสาธารณสุขและฝ่ายปกครองแต่ละอำเภอรับไปดำเนินการ โดยนจะเร่งรัดจัดตั้ง Local Quarantine ที่ชายแดน อ.แม่สาย เพื่อไม่ให้กลุ่มเสี่ยงเข้ามาลึกจากชายแดนและสนับสนุน Local Quarantine ใน อ.เมืองเชียงราย ที่เริ่มแออัดจากผู้ที่เข้าไปกักตัวมากขึ้น

 

นายประจญ กล่าวว่า การลักลอบข้ามแดนของผู้ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ นั้นยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้เฝ้าสกัดกั้นอย่างหนักแล้ว แต่มีกลุ่มคนที่เป็นขบวนการนำพาเข้ามาเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง โดยหากพบว่าเจ้าหน้าที่ว่างสิ่งกีดขวาง ไฟส่องสว่าง หรือลาดตระเวณไปจุดใดก็จะเลี่ยงไปยังจุดอื่น โดยเฉพาะทางดอยกุเต็งนาโย่ง ผาฮี้ ผาหมี ที่เป็นป่าเขา ซึ่งล่าสุดได้ให้ฝ่ายตำรวจนำไปปฏิบัติแล้ว อย่างไรก็ตามชายแดนไทย-เมียนมา มีระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร และบางช่วงเป็นลำน้ำที่คับแคบ ดังนั้นจึงได้ประสานไปยังทาง จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อให้ช่วยนำพาคนไทยที่ตกค้างกลับมาตามช่องปกติโดยจะมีการตรวจหาเชื้อให้ฟรีด้วยซึ่งจะลดความเสี่ยงแทนที่จะปล่อยให้หลบหนีเข้ามาอีก ทั้งนี้ยืนยันว่ายังไม่มีนโยบายในการปิดด่านพรมแดนที่เหลือเพียงจุดเดียวดังกล่าว เพราะจะส่งผลกระทบอย่างมากโดยจะดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ให้ดีที่สุดก่อนแต่ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

 

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวอีกว่า ปัจจุบันได้รับแจ้งมีขบวนการขนคนข้ามมาจากฝั่งประเทศเมียนมา มีบริการไปรับ-ส่งที่พัก โดยพบว่ามีเพียงไม่กี่คนและหัวหน้าเป็นชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ที่ชายแดนฝั่งไทย โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย นำทีมสืบสวนสอบสวนจัดการกับขบวนการดังกล่าว เพราะเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการลักลอบเข้ามาของหญิงสาวที่พบเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ ที่ นอกจากนี้จะประสานไปยัง ผู้ว่าการ จ.ท่าขี้เหล็ก และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) ขอให้ตรวจหาคนไทย และรับส่งออกมาทางด่านพรมแดนตามช่องทางปกติ เพราะเชื่อว่ายังมีหญิงสาวที่ข้ามไปทำงานที่สถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นแห่งเดียวกับหญิงสาวที่ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ ทำงานอยู่อีกหลายคน หลังจากเหตุการณ์นี้คาดว่าจะพยายามลักลอบหลบหนีข้ามมายังฝั่งไทยอีกอย่างแน่นอน

 

 

“อย่างไรก็ตามจะมีการออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย ให้ประชาชนได้กลับมาเข้มงวดเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง อีกครั้ง และเร่งหาตัวบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ จ.เชียงใหม่ ผู้ติดเชื้อมาทำการตรวจดูอาการ ตรวจหาเชื้อ ซึ่งปัจจุบันคืบหน้าไปมากแล้ว จากนั้นก็จะรอระยะเวลาต่อไปอีกหากพ้นเดือน ธ.ค.แล้วไม่มีตัวเลขเพิ่มเติมก็ถือว่าทำได้สำเร็จ” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าว

โดยการพบเชื้อครั้งแรกใน จ.ท่าขี้เหล็ก เกิดขึ้นหลังจากมีชายสูงวัยเดินทางจากกรุงย่างกุ้ง ไปพบปะกับหญิงสาวอายุ 20 ปี จากนั้นได้เดินทางกลับไปที่กรุงย่างกุ้ง แล้วหญิงสาว ก็ได้แพร่เชื้อไปยังกลุ่มคนใกล้ตัวก่อนจะมีอาการป่วย ส่วนหญิงสาวชาวไทยอายุ 29 ปีผู้ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ นั้นมีประวัติว่าช่วงที่ทำงานอยู่ที่โรงแรม 1G1 ได้พักอยู่กับหญิงสาวชาวไทยอีก 2 คน และทำงานอยู่ในห้องเดียวกับหญิงสาวอายุ 20 ปีชาวเมียนมาดังกล่าว

สำหรับโรงแรม 1G1 ตั้งอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ระหว่างสะพานข้ามลำสายแห่งที่ 1 และแห่งที่ 2 ซึ่งทาง ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง แจ้งว่าปัจจุบันได้ถูกสั่งปิดแล้วหลังพบมีผู้ติดเชื้อจากสถานที่ดังกล่าวหลายคน ปัจจุบันทางการเมียนมาได้มีการล็อคดาวน์หมู่บ้านจำนวน 3 แห่งคือบ้านปงถุนที่เป็นบ้านของหญิงสาวอายุ 20 ปีผู้ติดเชื้อนอกศูนย์กักดูอาการรายแรกของ จ.ท่าขี้เหล็ก บ้านสนทรายเหนือซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าว บ้านสันทรายใต้ซึ่งเป็นที่พักของผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ และมีการตั้งด่านสกัดตามถนนทุกสายที่เข้าออก จ.ท่าขี้เหล็ก ขณะที่มีผู้พบเชื้อแล้วจำนวน 15 ราย

ร่วมแสดงความคิดเห็น