มนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของตลาดการลงทุนคือการทำกำไรเพื่อกินส่วนต่างระหว่างการซื้อและการขายหลักทรัพย์ ค่าเงินหรือทองคำ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง หากแต่นักลงทุนจะต้องรู้จักการใช้เครื่องมือต่างๆ ในการเทรดได้อย่างดีเยี่ยมจึงจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่มหาศาลได้ ถือเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับเทรดเดอร์ในตลาดจำนวนมากได้ นั่นคือการใช้ค่า leverage คือ เครื่องมือทำงาน เจ้าตัวนี้คืออะไร ทำงานอย่างไร ไปดูกันครับ
leverage คือ เครื่องมือทางการเงินที่ทำให้ผู้ใช้งานมีอำนาจและพลังทางการเงินมากขึ้นกว่าเดิม หรือคล้าย ๆ กับการมีบัตรเครดิตที่ให้วงเงินมากกว่าเงินรายได้ที่ยื่นขอเครดิตไป เช่น มีเงินทุน 20,000 บาท เมื่อทำการ leverage จะได้รับเงินเพิ่มเป็น 100,000 บาท เป็นต้น ซึ่งก็คือการยืมเงินมาซื้อหลักทรัพย์ หรือลงทุนในทางการเทรดฟอเร็กซ์จะเป็นการยืมเงินจากโบรกเกอร์มาใช้ในการเทรดนั่นเอง ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะการ เลเวอเรจ สําหรับมือใหม่ ที่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ เพราะถ้าถูกทางอาจทำกำไรมหาศาลได้ ในขณะที่ผิดทางก็ขาดทุนมหาศาลได้เช่นกัน
ทำไมต้องใช้ leverage ในการเทรด Forex
หากใครที่เข้าใจระบบแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะรู้ได้ในทันทีว่าส่วนต่างหรือสเปรดของราคานั้นน้อยมาก การที่จะเทรดเพื่อทำกำไรในปริมาณมากๆ ต้องใช้เงินทุนมหาศาล ดังนั้นจึงหยิบยกเครื่องมือทางการเงินอย่าง เลเวอเรจ มาใช้งาน ซึ่งก่อนที่จะไปใช้เครื่องมือนี้ได้เทรดเดอร์จะต้องวางเงินหลักประกันตามมูลค่าสินทรัพย์ที่ทางโบรกเกอร์กำหนดเสียก่อน เช่น
เงินหลักประกันที่ต้องวาง : มูลค่าสินทรัพย์ที่จะเทรด เช่น 1 : 20 นั่นหมายความว่า เงิน 1 บาท สามารถซื้อของได้ในราคา 20 บาท หรือพูดในทางกลับกันก็ถือหากต้องการซื้อของมูลค่า 20 บาท ต้องวางเงินประกันทุกๆ 1 บาท เป็นต้น ในการเทรดฟอเร็กซ์ที่ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนที่อยู่ในระดับทศนิยมจึงจำเป็นที่จะนำค่าเลเวอเรจมาใช้งานนั่นเอง เช่น 1 USD = 30.2 THB หากมองว่าภายในพรุ่งนี้ค่าเงินบาทจะอ่อนตัวลงไปที่ระดับ 1 USD : 30.5 THB ถ้าซื้อด้วยวงเงิน 10 USD จะได้ส่วนต่างเพียงแค่ 3.0 THB ซึ่งถือว่าน้อยมากและไม่คุ้มค่าแก่การเทรด จึงต้องนำเอาค่า leverage มาใช้งานด้วยอัตราส่วน 1:100 นั่นหมายความว่าถ้าต้องการเทรดที่ 10 USD จะได้ค่าเลเวอเรจ 1,000 USD ซึ่งจะทำให้ได้กำไรส่วนต่าง 300 THB นั่นเอง
สำหรับมือใหม่ leverage เท่าไหร่ดี จึงจะมีความเหมาะสม
การ เลเวอเรจ สําหรับมือใหม่ จะต้องดูในส่วนของเงินลงทุนและคู่เงินที่จะเทรดเสียก่อน โดยคู่เงินหลักที่นิยมเทรดกันในตลาดฟอเร็กซ์ประกอบไปด้วย 4 คู่เงิน ดังนี้
EUR/USD : คู่เงินยูโรและดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
GBP/USD : คู่เงินปอนด์สเตอริงและดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
USD/JPY : คู่เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและเงินเยนญี่ปุ่น
USD/CHF : คู่เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและเงินฟรังก์สวิส
จากรูปเป็นกราฟแสดงผลค่าเงินปอนด์สเตอริงกับดอลลาร์สหรัฐ หรือ GBP/USD จะเห็นได้ว่ามีช่วงในการสวิงจากจุดต่ำสุดไปจุดสูงสุดนั่นคือ 1.510 – 1.616 ซึ่งจะมีผลต่างอยู่ที่ 0.106 นั่นหมายความว่าหากเทรดด้วยเงิน 1 GBP จะได้กำไร 0.106 USD ถ้าเทรด 10 GBP จะได้กำไร 1.06 USD ถ้า 100 GBP จะได้กำไร 10.6 USD เป็นต้น ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าเป็นมือใหม่ควรเทรดด้วยเงินไม่เกิน 10% ของเงินทุน เช่น เงินทุน 3,000 บาท อาจเทรดด้วยอัตรา 10 GBP หรือ 400 บาท เท่านั้น โดยในการซื้อขายจะอธิบายในหัวข้อ lot การซื้อขายอีกครั้งหนึ่ง
Lot ในฟอเร็กซ์คืออะไร
Lot คือ ขนาดหรือปริมาณการซื้อขายของหน่วยสกุลเงินนั้น ๆ โดยมีค่ามาตรฐาน ดังนี้
- Nano lot มีค่าเท่ากับ 100 หน่วย
- Micro lot มีค่าเท่ากับ 1,000 หน่วย
- Mini lotมีค่าเท่ากับ 10,000 หน่วย
- Standard lot มีค่าเท่ากับ 100,000 หน่วย
สำหรับมือใหม่เพิ่งหัดเทรด แนะนำให้เรียนรู้เกี่ยวกับ lot ในการเทรด หรือถ้าอยากเทรดจริงๆ ควรเริ่มที่ size Nano และ Micro ก่อนเท่านั้น แม้ในส่วนของผลกำไรจะน้อย แต่ผลขาดทุนก็จะน้อยด้วยเช่นกัน
- 0.01 lot คือผลกำไร – ขาดทุน มีค่าเท่ากับจุดละ 0.1$
- 0.1 lot คือผลกำไร -ขาดทุน มีค่าเท่ากับจุดละ 1$
- 1.0 lot คือผลกำไร -ขาดทุน มีค่าเท่ากับจุดละ 10$
ยกตัวอย่าง หากมีการเปิดออเดอร์สถานะ Buy ค่าเงิน EURUSD ที่ 1.5000 จากนั้น ปิดออเดอร์ด้วยการขายทำกำไรที่ 1.5010 แสดงว่าทำกำไรไป 10 Pips (Price Interest Point) ถ้าลงทุน 0.01 lot จะได้กำไรทั้งสิ้น 0.1$ x 10 = 1$ เป็นต้น ในขณะที่การคิดในส่วนของการขาดทุนด้วยก็เช่นเดียวกัน ยิ่งขนาด lot มากขึ้นเท่าไร ความเสี่ยงก็จะมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะขนาดเทรดด้วย lot size 0.01 ยังสามารถทำกำไรและขาดทุนที่ 1$ ถ้าขนาด 1 lot ก็จะทำกำไรและขาดทุนที่ 100$ เช่นเดียวกัน
ดังนั้นในการเทรดฟอเร็กซ์สำหรับมือใหม่ที่จะต้องศึกษาในเรื่องของการเลเวอเรจแล้ว ยังต้องศึกษาในส่วนของ lot size ในการเทรดอีกด้วย เพราะถ้าเทรดถูกทางก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมหาศาล แต่ถ้าผิดทางและไม่ทำการ stop loss เอาไว้ก็ทำเอาเจ๊งและเสียหายได้อย่างมโหฬารได้เช่นเดียวกัน จึงควรมีสติและวินัยในการเทรดที่ดี ตั้งจุด stop loss ทุกครั้งที่เข้าทำการซื้อ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะตามมาได้
ร่วมแสดงความคิดเห็น