อัพเดท! รฟท.งดเดินขบวน ‘รถท่องเที่ยว-เชิงพาณิชย์’ 42 ขบวน

เช็คด่วน! การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) งดเดินขบวนรถท่องเที่ยว และรถเชิงพาณิชย์’ รวม 42 ขบวน ใครจองตั๋วไว้แล้ว สามารถขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มราคา

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 เพจเฟซบุ๊ค ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) งดเดินขบวนรถท่องเที่ยว 12 ขบวน และขบวนรถเชิงพาณิชย์ 30 ขบวน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  โดยสามารถคืนเงินตั๋วโดยสารเต็มราคา โดยมีรายละเอียดดังนี้

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ ศบคที่ต้องการให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การรถไฟฯ จึงได้ประกาศงดเดินขบวนรถท่องเที่ยวที่ให้บริการเป็นประจำทุกวันเสาร์อาทิตย์ จำนวน 12 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2564 และขบวนรถ เชิงพาณิชย์ จำนวน 30 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2564  ประกอบด้วย

  • ขบวนรถท่องเที่ยวที่งดเดิน (จำนวน 12 ขบวน)

ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่  997/998    กรุงเทพ – พลูตาหลวง – กรุงเทพ

ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่  909/910   กรุงเทพ – น้ำตก – กรุงเทพ

ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่  911/912   กรุงเทพ – สวนสนประดิพัทธ์ – กรุงเทพ

ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่  915/916   กาญจนบุรี – น้ำตก – กาญจนบุรี

ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่  921/926   กรุงเทพ – โคกสลุง – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ – กรุงเทพ 

ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่  923/928   กรุงเทพ – โคกสลุง – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ – กรุงเทพ (เที่ยว 2)

  • ขบวนรถเชิงพาณิชย์ที่งดเดินในเส้นทางสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้ (รวมทั้งสิ้น 30 ขบวนได้แก่

– สายเหนือ (8 ขบวน)

ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9/10 (อุตราวิถี)    กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ

ขบวนรถด่วนที่ 51/52         กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ

ขบวนรถเร็วที่ 107/108         กรุงเทพ – เด่นชัย – กรุงเทพ    

ขบวนรถเร็วที่ 109/102         กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ

 

– สายอีสาน (12 ขบวน)

ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 23/24 (อีสานวัตนา  กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ

ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 25/26 (อีสานมรรคากรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ

ขบวนรถด่วนที่ 71/72  กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ

ขบวนรถด่วนที่ 75/76  กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ

ขบวนรถเร็วที่ 139/140  กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ

ขบวนรถเร็วที่ 145/146  กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ

 

– สายใต้ (10 ขบวน)

ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31/32 (ทักษิณารัถย์กรุงเทพ – ชุมทางหาดใหญ่ – กรุงเทพ

ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 39/40  กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพ

ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 43/44  กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพ

ขบวนรถด่วนที่ 83/84  กรุงเทพ – ตรัง –กรุงเทพ

ขบวนรถเร็วที่ 175/176  ชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโกลก – ชุมทางหาดใหญ่

โดยผู้โดยสารสามารถนำตั๋วโดยสารมาติดต่อขอรับเงินคืนได้เต็มราคา เป็นกรณีพิเศษทุกสถานีทั่วประเทศ นอกจากนี้ การรถไฟฯ มีการดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ขั้นสูงสุด เพื่อป้องกันและดูแลความปลอดภัย พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสาร ทั้งในขบวนรถโดยสาร สถานีรถไฟทั่วประเทศ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง ดังนี้

1.ประกาศใช้มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) สูงสุดทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร โดยมีการตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ บริการเจลแอลกอฮอล์แก่ผู้โดยสาร 

2.ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการป้องกันตนเองผ่านช่องทางต่างๆ โดยเน้นย้ำให้มีการทำความสะอาดสถานีรถไฟ ขบวนรถโดยสาร สถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ที่พักผู้โดยสาร สถานที่ให้บริการ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์สม่ำเสมออย่างน้อยทุกๆ 2 ชั่วโมง และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อขบวนรถโดยสารทั้งสถานีต้นทางและปลายทางทุกครั้ง

3.เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดมากขึ้นในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น โดยทำความสะอาดรอบใหญ่ หรือ Big Cleaning ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณอาคารสถานี ชานชาลา ที่พักผู้โดยสาร ห้องสุขาทุก 3 วัน รวมถึงการทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีผู้โดยสารใช้ร่วมกันทุก 1 ชั่วโมง 

4.ขอความร่วมมือผู้โดยสารทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง และลงทะเบียนหรือสแกนคิวอาร์โค้ด เช็กอิน/เช็กเอาต์ที่แอพพลิเคชั่นไทยชนะทุกครั้งที่ใช้บริการ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) และหากพบเห็นผู้โดยสารที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ทั้งบริเวณสถานีรถไฟ หรือบนขบวนรถ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานี/ขบวนรถ หรือ ศูนย์ปลอดภัยของการรถไฟฯ โทรศัพท์ 02-5379198 ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์สายด่วน 1690 ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น