(มีคลิป) ฮือฮา! ลำพูนพบพระพุทธรูปโยกไปมา พร้อมแสงประหลาดคล้ายหิ่งห้อย เชื่อเป็นพระธาตุที่ออกจากพระพุทธรูปพระเจ้าตาเขียว ชาวบ้านแห่เข้าไปกราบไหว้

ที่วัดเหล่าพระเจ้าตาเขียว ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ชาวบ้านพากันเข้ากราบไหว้ และนำพระเครื่องและเครื่องลางต่าง ๆ มาบรรจุฐานพระพุทธรูปพระเจ้าตาเขียว หลังจากทราบว่าพระพุทธรูปนั้นได้แสดงอภินิหาร ทั้งโยกไปมา และล่าสุดไม่กี่เดือน ก็มีลำแสงประหลาดส่องมายังพระพักตร์ ตามภาพที่กล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ อีกทั้งมีแสงระยิบระยับคล้ายหิ่งห้อย ชาวบ้านที่ดูกล้องวงจรปิดถึงก้มกราบอย่างสนิทใจว่า คือพระธาตุที่ออกจากพระพุทธรูปพระเจ้าตาเขียว ทั้งนี้ลำแสงประหลาดและแสงระยิบระยับดังกล่าว ออกมาได้อย่างไร เนื่องจากเป็นช่วงเวลาค่ำมืดแล้ว อีกทั้งได้ปิดวิหารประตูทุกบานด้วย จึงไม่มีแสงเล็ดลอดได้ จึงเชื่อว่าท่านต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง

นายชวลิต สุริยจันทร์ ผู้ดูแลวัดดังกล่าวมาร่วม 30 ปี เล่าว่า เกิดเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ที่พระพุทธรูปสมัยพระนางเจ้าจามเทวี ผู้สร้างขึ้นจนกระทั่งปัจจุบันอายุราว 1,400 ปี ได้แสดงปาฎิหาริย์ เช่น โยกไปมา ซึ่งพระพุทธรูปองค์ ขนาดใหญ่จะโยกไปมาได้อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางพระในวัดเล่ามาว่าเกิดขึ้นจริง ๆ แต่เกิดมาหลายปีแล้ว จนกระทั่งล่าสุด ก็มีลำแสงประหลาดพร้อมแสงระยิบระยับ เชื่อกันว่าเป็นองค์พระธาตุในตัวออกมา เพื่อสื่อสารบางอย่าง ทั้ง ๆ ที่ประตูวิหารหน้าต่างทุกบานปิดหมด จะมีลำแสงได้อย่างไร โชคดีที่ทางวัดมีกล้องวงจรปิด จึงเห็นเรื่องราวาฎิหาริย์ดังกล่าว


วันเดียวกัน หลังจากทราบข่าว ทางด้าน นายชาคร ณ ลำปาง หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดลำพูน ได้นำพระเครื่องบรรจุฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ กับชาวบ้านด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลต่อชีวิต ขณะที่ชาวบ้านบางรายก็ไม่ลืมที่จะขอโชคขอลาภจากองค์พระ บางคนก็อ้อมไปด้านหลังพระพุทธรูป เพื่อส่องหาเลขเด็ดตามความเชื่อ เพราะเชื่อว่าปาฎิหาริย์ในครั้งนี้ ท่านคงจะเห็นชาวบ้านเดือดร้อน ในยุคข้าวยากหมากแพง ยุคโควิด-19 ระบาด อาจจะประทานรางวัลให้ก็ได้


สำหรับประวัติพระเจ้าตาเขียวตามตำนานท้องถิ่น ได้กล่าวเอาไว้ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จประกาศพระพุทธศาสนาสั่งสอนไปยังทุกหมู่บ้าน พร้อมด้วยสาวก ทุกๆ แห่งที่ผ่านไปได้ประทานรอยพระพุทธบาท พระเกศาธาตุ และได้ตรัสพยากรณ์ สถานที่นั้นๆ ไปด้วย จนเสด็จมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ทรงพยากรณ์ว่า ภายหน้าจะเป็นนครที่รุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนามาก มีนามว่า “หริภุญชัยนคร” ณ ที่พระพุทธองค์ประทับพักมี ลัวะชื่อ เม็งคบุตร ได้ชวนผู้คนแถวนั้น มาฟังธรรม และรู้ถึงอานิสงส์แห่งการสร้างพระพุทธรูป จนเข้าถึงพระรัตนตรัยกันโดยถ้วนหน้า พระอินทร์ทูลขอพระเกศาธาตุ พระองค์ ประทานให้แล้วเสด็จต่อไป

เม็งคบุตรพร้อมหมู่คนท้องถิ่น ได้พากันขุดอุโมงค์ นำพระเกศาธาตุใส่ผอบทองคำ และใส่ในโกฎิเงินอีกชั้น พร้อมทั้งของมีค่ามากมาย บรรจุลงในอุโมงค์แล้วปิดด้วยอิฐขนาดใหญ่ ต่อมาพญานาคได้นำศิลาหินใหญ่จากบาดาลมาปิดทับอุโมงค์อีกชั้นหนึ่ง ( ณ วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน)พระเกศาธาตุ และพระพุทธรูปพระเจ้าตาเขียว ณ วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว ต.บ้านเรือน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้ปรากฏเป็นที่รู้จักกัน มากขึ้น ในปี พ.ศ. 1235 อาณาจักรหริภุญชัยนคร มีความรุ่งเรืองทางศาสนามาก ผู้มีศีลธรรมท่านหนึ่งชื่อ ขันตะคะ ได้ทราบเรื่อง พระเกศาธาตุ จึงได้พาหมู่คณะขุดขึ้นมา ปรับปรุงถ้ำใหม่ อัญเชิญพระแม่เจ้าจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัยนคร พร้อม ด้วยราชโอรส พระเจ้ามหันตยศ และพระเจ้าอนันตยศ เป็นประธานได้คิดกันสร้างพระพุทธรูปทับปากถ้ำ 1 องค์ พอสร้างมาถึงพระพักตร์ ไม่รู้จะเอาแบบไหนกันดี พระอินทร์รู้ด้วยญาณจึงแปลงกายเป็น “ชีปะขาว” มารับอาสาช่วยสร้าง ได้เอาแก้วมรกต สีเขียวที่นำมาด้วยบรรจุในพระเนตรทั้งสองข้างของพระพุทธรูป ประชาชนในห้องถิ่นนั้นจึงได้ขนานนามว่า “พระเจ้าตาเขียว”จนปัจจุบัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น