จับโจรขโมยเงินบริจาคในห้องทำงานของมูลนิธิพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน มูลค่ากว่า 40,000 บาท อ้างเอาไปซื้อทองให้วันเกิดน้องสาว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ก.พ. 64 พ.ต.อ.ถนัด ชุ่มมะโน ผกก.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย พ.ต.ท.มนตรี ภูมิสอาด รอง ผกก.ป.สภ.เชียงแสน พ.ต.ท.ชาญณรงค์ รัชตประทาน รอง ผกก.สส.สภ.เชียงแสน พ.ต.ท.วิริยะ สุจริต รอง ผกก.สอบสวน พ.ต.ท.กิตติภูมิ กันจินะ สว.สส. พร้อมชุดสืบสวน นำตัว นายนพดล ส่างจ่อ อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 214 หมู่ 1 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่องค์พระพุทธนวล้านตื้อ ในมูลนิธิพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน ที่สามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ต.เวียง อ.เชียงแสน โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าว มาดูการทำแผนจำนวนมาก

สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 9 ม.ค.64 เวลาประมาณ 23.30 น. ได้มีคนร้ายสวมเสื้อแขนยาวสีแดง สวมกางเกงขายาวลายทหารมีแถบสีขาวสองขีด สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ และสะพายกระเป๋าเป้ลายทหารพรางสีเขียวใส่หน้ากากสีดำปิดบังใบหน้า เข้าไปลักเงินบริจาค ในห้องทำงานของมูลนิธิพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน ได้เงินไปประมาณ 40,115 บาท เป็นเงินเหรียญและธนบัตร หลบหนีไปทางประตูด้านหลังของมูลนิธิฯ ต่อมาวันที่ 19 ม.ค.64 เวลาประมาณ 23.30 น. คนร้ายได้เข้าไปขโมยกระปุกใส่เงินได้เงินไปอีก 105 บาท

พ.ต.อ.ถนัด ผกก.ได้เรียกชุดสืบสวนออกติดตามแกะรอยคนร้ายตามกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่าง ๆ ในพื้นที่ เชียงแสน เชื่อมไปเขต อ.แม่จัน จนทราบว่า นายนพดล พักอยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 7 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย เป็นบุคคลที่ต้องสงสัยที่มีลักษณะท่าทางและพฤติการณ์คล้ายกับคนร้าย จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุม
ต่อมาเวลา 16.30 น. วันที่ 1 ก.พ. พ.ต.อ.ถนัด ชุ่มมะโน พ.ต.ท.กิตติภูมิ กันจินะ พร้อมกำลังชุดสืบสวน ได้ไปดักซุ่มรอผู้ต้องหาที่บริเวณถนนในหมู่บ้านเขตตำบลจันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบริเวณหน้าบ้านพักของนายนพดล จนพบนายนพดลกลับจากที่ทำงานโดยนั่งหลังรถกระบะของนายจ้างมาลงถนนหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตเห็นว่า นายนพดลมีหน้าตาทรงผม และสวมเสื้อแขนยาวสีเขียวพิมพ์คำว่า OTHERS อยู่ด้านหลัง สะพายกระเป๋าเป้สีดำแถบแดง และสวมรองเท้าแตะที่มีสายรัดส้นสีดำ ซึ่งตรงตามที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนมา จึงได้เข้าไปแสดงตัว พอเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนพดลมีท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สอบถามถึงเหตุลักทรัพย์ที่มูลนิธิพระชียงแสนสี่แผ่นดิน ซึ่งนายนพดลให้การรับสารภาพว่า ตนได้ใส่เสื้อและกระเป๋าและรองเท้าดังกล่าวเข้าไปลักทรัพย์ที่มูลนิธิพระเชียงแสนสี่แผ่นดินสามเหลี่ยมทองคำจริง และยินยอมนำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพัก
จากการตรวจค้นพบ เงิน จำนวน 105 บาท วางอยู่บนโต๊ะกระจก ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นเงินที่ลักทรัพย์ในวันที่ 19 ม.ค.64 และพบรองเท้าผ้าใบสีดำ 1 คู่ เสื้อแขนยาวสีแดง 1 ตัว กระเป๋าเป้สีเขียวลายพรางทหาร 1 ใบ ถุงมือสีน้ำเงิน1 คู่ กางเกงขายาวลายพลางทหารมีแถบสีขาวสองขีด 1 ตัว ไขควง 1 อัน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น MSX สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ คาวาซากิ รุ่นนินจา สีแดง หมายเลขทะเบียน 1กช-4391 เชียงใหม่ หน้ากากสีดำ ที่ใส่ในวันก่อเหตุ พร้อมแหวนทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 วง ที่ยึดจากน้องสาวของนายนพดล เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

นายนภดล รับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.64 เวลาประมาณ 23.30 น. ตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น MSX 150 ซีซี สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สวมเสื้อแขนยาวสีแดง สวมกางเกงขายาวลายทหารมีแถบสีขาวสองขีด สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ และสะพายกระเป๋าเป้ลายทหารพรางสีเขียวใส่หน้ากากสีดำปิดบังใบหน้า เข้าไปลักเงินบริจาค ในห้องทำงานของมูลนิธิพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน ได้เงินไปจำนวน ประมาณ 40,115 บาท เป็นเงินเหรียญและธนบัตร และหลบหนีไปทางประตูด้านหลังของมูลนิธิฯ แล้วนำเงินที่ได้มา ฝากเข้าธนาคารกรุงไทย สาขาแม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย จากนั้นได้เข้าไปถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัสแม่จัน นำเงินไปซื้อแหวนทองจำนวน 1 วง น้ำหนัก2 สลึง ที่ร้านทอง ในห้างโลตัสแม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้น้องสาว ส่วนเงินที่เหลือนั้นเอาไปใช้จ่ายส่วนตัว นายนพดลให้การต่อไปว่า เมื่อใช้เงินหมดแล้วตนกลับเข้ามาลักทรัพย์อีกเป็นครั้งที่สอง ในวันที่ 19 ม.ค.64 เวลาประมาณ 23.30 น. โดยขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ คาวาซากิ รุ่นนินจา 350 ซีซี สีแดง หมายเลขทะเบียน 1กช-4391 เชียงใหม่ เข้าไปที่เกิดเหตุ สวมเสื้อแขนยาวสีเขียวพิมพ์คำว่า OTHERSอยู่ด้านหลัง สวมกางเกงขายาวลายทหารมีแถบสีขาวสองขีด สวมรองเท้าแตะที่มีสายรัดส้นสีดำ สะพายกระเป๋าเป้สีดำแถบแดง สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า และนำไขควงเข้าไปงัดประตูของห้องทำงานมูลนิธิฯ เข้าไปลักกระปุกออมสินสีชมพูของธนาคารออมสินได้เงินไป 105 บาท เป็นเงินเหรียญ และนำกระปุกออมสินไปโยนทิ้งที่สะพานน้ำคำและหลบหนีไปจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในเคหสถาน ในเวลากลางคืนโดยเข้าช่องทางที่มิได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยมอมหน้าเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ หรือรับของโจร
ด้าน พ.ต.อ.ถนัด กล่าวว่าการจับตัวคนร้ายได้ในครั้งนี้ มาจากการประชุมชุดสืบสวนและให้ติดตามกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายน่าจะไม่ใช่คนในพื้นที่ จนไปพบกระเป๋าที่คนร้ายใช้สะพายหลังในคืนก่อเหตุ เป็นกระเป๋าสะพายสีดำแถบแดง มีขายที่ร้านค้าหน้าห้างโลตัสแม่จัน จึงตามเส้นทางไปจนทราบว่าคนร้ายซื้อไปจากร้านเมื่อวันที่ 11 มกราคม และคนร้ายยังได้ไปซื้อแหวนทองคำหนัก 2 สลึง ให้วันเกิดน้องสาวที่เรียนอยู่ชั้นม.6 โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.เชียงแสน เป็นเงิน 14,000 บาท จากห้างทองภายในห้างโลตัสแม่จัน ชุดสืบสวนสภ.เชียงแสน ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน ขอตรวจสอบภาพและชื่อที่อยู่ผู้ซื้อทองจนทราบว่าเป็นนายนพดล จึงนำมาสู่การจับกุม
สำหรับนายนพดล คนร้ายเคยทำงานอยู่ภายในบ่อนคาสิโนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ฝั่ง สปป.ลาว อยู่ตรงข้ามกับมูลนิธิพระเชียงแสนสี่แผ่นดิน ฝั่งไทย จึงรู้ช่องทางหลบหนีเป็นอย่างดี และในวันที่ก่อเหตุ นายนภดลจะพยายามเดินหันหลัง และหลบมุมกล้องวงจรปิดไม่ให้เห็นใบหน้า

ร่วมแสดงความคิดเห็น