(มีคลิป) ชาวบ้าน ต.สรอย ชวนเพื่อนบ้านตั้งวงดื่มสุรา เมาแล้วขโขยเงินหลบหนีเข้าป่า ลั่น! ไม่เคยกลัวใครเคยติดคุกมาแล้ว

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา07.30.นายอภิชน จันทรวิชัย ผู้ใหญ่บ้านม่วงคำ หมู่ที่10 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้พาลูกบ้านชื่อ นายนิมิตร มูลลี อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208/3 และนางศศิภา ปินตาจันทร์ อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 208/2 หมู่10 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ มาพบ ร.ต.อ.อรรถพล เรือนคำ รอง สว.สอบสอบสวน สภ.สรอย ปฎิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน

โดยเมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ. 64 น. เวลา18.00 น. นายมิตร มูลลี ผู้แจ้งให้การกับตำรวจว่าได้นั่งดื่มสุรากับนายสว่าง ซาวมอย อายุ 40 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันและเป็นญาติกันด้วย ได้ทำลายพระพุทธรูปแตกเสียหายกระจายเกลื่อนห้องแล้วได้ขโมยเงินไป ขอให้ไปตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งเหตุแล้ว ร.ต.อ.อรรถพล เรือนคำ รองสว.สอบสวน สภ.สรอย จึงได้ลงบันทึกประจำวันรับแจ้งไว้ แล้วรายงานให้ พ.ต.ท.ชาญวิทย์ ทนันชัย สว.สภ.สรอย ทราบ และมอบหมายให้ร.ต.อ.สมเกียรติ แก้วกามูล รอง สวป.ร.ต.อ.สุรจิต นันต๊ะยศ รอง สว.สส.พร้อมชุดสืบสวน และอุปกรณ์ตรวจพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิเหตุเป็นบ้านไม้สักชั้นเดียวติดพื้น หลังคามุงสังกะสี ไม่มีหน้าต่าง มีประตูเข้า-ออก ที่เดียว อาศัยอยู่คนเดียว ได้นำ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ในบ้านและเล่าให้ การกับพนักงานสอบสวนว่า เมื่อเวลา 18.00น.ตน ได้นั่งดื่มสุรากับนายสว่าง ซาวมอย ซึ่งเป็นญาติกันบ้านไกล้กัน ดื่มได้สักพัก ตนเองได้ขอตัวไปซื้อกับข้าวที่ร้านในหมู่บ้าน

พอกลับมาปรากฏว่านายสว่าง ได้หายไป พร้อมกับเห็นพระตกแตกเกลื่อนบ้าน แต่ไม่ได้สนใจ คิดว่านายสว่าง คงเมาแล้วกลับบ้านแล้ว จึงได้นอนหลับพักผ่อน พอตื่นมาตอนเช้า ได้เอื้อมมือจะเอากระเป๋าตังที่เก็บไว้บนหิ้งที่นอนควานหาไม่เจอ คิดว่านายสว่างฯ เอาไปแน่นอน จึงไปเรียกตามหาที่บ้านไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้สอบถาม นายขาน ซาวมอย อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นพ่อนายสว่างฯบอกว่า ออกจากบ้านไปในห้วยแต่เมื่อคืนแล้ว จึงได้ชวนนางศศิภา ปินตาจันทร์ น้องสาว ไปแจ้งนายอภิชน จันทรวิชัย ผู้ใหญ่บ้านทราบ และได้ไปพบพนักงานสอบสวน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

นายขาร ซาวมอย พ่อนายสว่างฯ ให้การว่าลูกชายหายออกบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับไปขัง อย่าให้ออกมา เพราะไม่ทำการทำงานอะไร ได้แต่ขอเงินพ่อแม่ ไปซื้อเหล้ามาดื่ม ถ้าไม่ได้ก็จะทำร้ายร่างกาย ตบตีพ่อแม่ เป็นอย่างนี้ตลอด ที่ผ่านแล้วมาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีติดคุกมาแล้ว นึกว่าจะหลาบจำ สำนึกผิด ที่ไหนได้ซ้ำร้ายหนักยิ่งกว่าเดิม แถมท้าทายด้วยว่า ในหมู่บ้านนี้ไม่กลัวใครสักคน ตำรวจก็ไม่กลัว เพราะเคยติดคุกมาแล้ว

ผู้ใหญ่ อภิชนฯซึ่งไปด้วย และฟังคำให้การของผู้เป็นพ่อ ที่เล่าถึงพฤติการณ์ลูกชาย ให้ทราบถึงพฤติกรรมลูกบ้านคนนี้มาตลอด ว่าน่าจะควบคุมไม่อยู่แล้ว ขนาดพ่อแม่ ญาติพี่น้องใครห้ามก็ไม่กลัว แถมยังท้าทายแอบอ้างว่าเป็นลูกน้องคนมีสี ก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย และกลัวว่าต่อไปจะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ตอนนี้ก็เปรียบเหมือนปล่อยเสือเข้าป่า

ส่วนนายมิตร มูลลี และนางศศิภา ปินตาจันทร์ ก็ได้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฝากทางตำรวจจับมาดำเนินคดีให้ได้ แล้วยังได้พาตำรวจไปดูทางหนี ทีไล่ด้วยว่า ถ้าตำรวจมาจะต้องล้อมทางออกซึ่งเป็นสังกะสีปิดไว้ ออกทางหลังบ้านติดลำห้วยสะตีน น้ำได้แห้งหมดแล้ว ถ้ามาตรงที่หน้าบ้านไม่ทันแน่ และให้เอาไปตรวจปัสสาวะเพื่อหารสารเสพติดด้วย นายมิตร มูลลี ผู้เสียหายบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอฝากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สร้อย ช่ายติดตาม แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนด้วย ให้สมกับคำที่ชื่อว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตำรวจคือที่พึ่งประชาชน ตำรวจอยู่ที่ไหน ชาวประชาอุ่นใจทั่วกันครับ คงจับตัวได้ไม่ยาก เพราะท่านสารวัตรคนใหม่ท่านเอาจริง

ร่วมแสดงความคิดเห็น