(มีคลิป) ตัวแทนบริษัทงานเกาหลี ออกแจงสื่อ กรณีคนร้ายนำภาพบริษัทไปแอบอ้าง ลวงเหยื่อเชิดเงิน หลังผู้เสียหายหอบหลักฐานเข้าร้องตำรวจภูธรภาค 5 ยันบริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แถมได้รับผลกระทบเสียชื่อเสียงจากข่าวที่ปรากฎ เพราะเกิดความเข้าใจผิด จากภาพที่ปรากฎในข่าว

วันที่ 25 ก.พ.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ทางสำนักข่าวเชียงใหม่นิวส์ ออนไลน์ ได้มีการนำเสนอข่าวกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 30 ราย ได้เดินทางเข้าร้องเรียนกับทางศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 จากการที่ถูกหญิงสาว ทราบชื่อคือ น.ส.จอม ขมิ่นทอง อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี หลอกลวงให้จ่ายเงินรายละประมาณไม่ต่ำกว่า 22,000 บาท และบางราย 80,000 – 100,000 บาท โดยอ้างว่าสามารถดำเนินการนำพากลุ่มผู้เสียเข้าไปทำงานต่างประเทศ คือ ประเทศเกาหลี และออสเตรเลีย ได้อย่างถูกกฎหมาย เมื่อวันที่ 16 ก.พ.64 ที่ผ่านมา และในการเข้าร้องเรียนของกลุ่มผู้เสียหายนั้นได้มีการนำเอกสารหลักฐานซึ่งเป็นภาพเว็บไซต์ของบริษัทอีซี่แมพ (ประเทศไทย) จำกัด www.koreajob.in.th มาเผยแพร่ และจากการที่ทาง น.ส.จอม ขมิ่นทอง ได้นำชื่อของบริษัทและเว็บไซต์มาแอบอ้าง ทำให้บริษัทเกิดความเสียหาย และทำให้ประชาชนที่อ่านข่าวเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าทางบริษัทดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับคนร้ายที่ได้มีการนำชื่อบริษัทไปแอบอ้าง จนกระทั่งทางบริษัทได้ได้เข้าทำการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเมื่อวันที่ 17 ก.พ.64 ที่ผ่านมา

ขณะที่ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้ทำการติดต่อสอบถามไปยัง นายพิสุทธิ์ สมบุญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีซี่แมพ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า จากเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้ทางบริษัทยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายที่ก่อเหตุแต่อย่างใด แต่เนื่องจากคนร้ายได้นำประกาศโฆษณาของบริษัท www.koreajob.in.th ไปแอบอ้างหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหาย และในกรณีดังกล่าวทางผู้เสียหายก็นำภาพที่ถูกหลอกลวงนี้ไปแจ้งความ ซึ่งภาพนั้นเป็นภาพของทางบริษัท และมีโลโก้ของ www.koreajob.in.th ถูกเผยแพร่ลงข่าวไปในโลกโซเชียล จนส่งผลทำให้มีผู้พบเห็นและสมาชิกในเพจ รวมไปถึงนักเรียนที่สมัครเรียนกับทางบริษัท และในกลุ่มเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าทางบริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามดำเนินคดี ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นทางบริศัทไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด และอยากให้มีการแก้ไขข้อมูลที่เกิดขึ้น เพราะทางบริษัทนั้นเน้นเรื่องของการเปิดสอนภาษา และไม่ได้มีการจัดหาคนไปทำงานแต่อย่างใด พร้อมทั้งยืนยันด้วยว่าทางบริษัทก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนร้ายที่นำภาพของบริษัทไปแอบอ้าง และก็ยังไม่ทราบด้วยว่าทางคนร้ายนั้นได้นำชื่อของบริษัทไปแอบอ้างด้วยหรือไม่

ขณะเดียวกันหลังจากที่ข่าวถูกนำเสนอออกไปแล้วนั้น ทางกลุ่มผู้เสียหายทั้ง 30 ราย ที่ได้มีการนำเอกสารไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อมาหาทางบริษัทแต่อย่างใด และก็ไม่ได้กล่าวหาว่าทางบริษัทเป็นผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด เพียงแต่มีผู้พบเห็นข่าว และพบเห็นภาพของบริษัทที่ปรากฎภายในข่าวเกิดความเข้าใจผิด และทางบริษัทจึงอยากชี้แจงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดกขึ้นให้ประชาชนหรือผู้ที่พบเห็นข่าวเกิดความเข้าใจว่า “ทางบริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่นำเอาภาพของบริษัทไปแอบอ้างตามที่มีผู้เสียหายไปร้องเรียน และตามที่ปรากฎในข่าวแต่อย่างใด” นอกจากนี้ทางบริษัทก็ได้มีการแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว ส่วนทางด้านคนร้ายนั้นก็อยู่ในกระบวนการที่ทางทนายได้ดำเนินการอยู่ เนื่องจากคนร้ายก็ได้นำภาพของทางบริษัทไปใช้โดยที่ทางบริษัทไม่ได้ยินยอม และหากยังมีการพูดถึงบริษัทที่ทำให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นในโซเชียล ทางบริษัทก็อาจจะต้องมีการลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ในเรื่องของการดำเนินคดีฟ้องกับผู้ที่เข้าใจผิดนั้นคงไม่ได้ดำเนินการถึงขั้นนั้น

อย่างไรก็ตามจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ทางบริษัทมีผู้พบเห็นข่าวสอบถามเข้ามาจำนวนมาก อีกทั้งยังทำให้ทางเพจบริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทก็ได้มีการชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปเบื้องต้นแล้ว และหลังจากที่ได้มีการลงบันทึกประจำวันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็ได้มีการนำบันทึกประจำวันมาโพสต์เพื่อเป็นหลักฐานในเพจของบริษัท เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และทางบริษัทก็ยินดีที่จะให้ทางเพจข่าวเชียงใหม่นิวส์สามารถนำเอกสารที่ปรากฎในเพจนำมาชี้แจงประกอบข่าวด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น