ชาวบ้านลงขันจัดงานศพนายจะตี๋เหยื่อคดีฆ่าหมกบ่อน้ำ ด้านตำรวจขอหมายจับแล้ว พบเบาะแสหนีข้ามฝั่งลาวแล้ว

วันที่ 6 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดีฆ่าหมกบ่อน้ำ ที่ อ.พาน จ.เชียงราย โดยในวันนี้ ร.ต.อ.อร่าม คมบาง รอง สว.(สอบสวน) สภ.พาน พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้เดินไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.เชียงราย เพื่อขอออกหมายจับนายชนิดหรือสนิทหรือสิทธิ์ ไม่ทราบนามสกุล ในข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและชิงทรัพย์ผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร” ตามหมายจับเลขที่ 1/2564 คดีมีอายุความ 20 ปี

 

ด้าน พ.ต.ท.องอาจ เฟื่องฟู รอง ผกก.สอบสวน สภ.พาน เผยว่า จากการสืบสวนได้รับข้อมูลมาว่านายสิทธิ์ได้ว่าจ้างรถแท็กซี่จากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงราย ให้ไปส่งที่หน้าโรงพยาบาลเชียงของ ในราคา 2,500 บาท เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา คาดว่านายสิทธิ์น่าจะขึ้นเรือข้ามไปฝั่งลาวแล้ว ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานกับทางการลาว เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ส่วนที่วัดเกตุแก้ว ม.12 ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย มีการจัดพิธีฌาปณกิจศพเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับนายจะตี๋ จะแฮ อายุ 28 ปี โดยมีนางน้อย ทองเยี่ยม ภรรยาผู้ตายและลูกสาววัย 7 และ 2 ขวบ พร้อมญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน สมาคมกู้ภัยพาน และชาวบ้านในชุมชน มาร่วมในพิธีศพประมาณ 50 คน

 

ในพิธีเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยได้รับบริจาคโลงศพจากสมาคมกู้ภัยพาน และมีการช่วยเหลือสมทบจากชาวบ้านในชุมชนนำมารวมกันเพื่อช่วยจัดงานศพให้กับผู้ตาย ได้เงินมาใช้จ่ายในพิธีศพนี้ประมาณ 6,000 บาท

 

น.ส.วชิราภรณ์ แสนโชติธนลักขณ์ ผญบ.เก่า ม.12 ต.เมืองพาน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นายจะตี๋หรือนายเบ้นซ์ มาอยู่อาศัยในชุมชนพร้อมลูกเมียได้หลายปีมาแล้ว นายเบ้นซ์เป็นคนมีน้ำใจ เป็นจิตอาสา เวลาชุมชนมีกิจกรรมหรืองานพัฒนาอะไร ก็จะมาช่วยงานตลอด บางอย่างไม่ได้ร้องขอก็ขันอาสามาทำให้ ขยันทำมาหากิน เป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง ส่วนนายสนิทหรือสิทธิ์ผู้ต้องสงสัยนั้นตนไม่รู้จัก เพราะอยู่คนละหมู่บ้าน ทราบว่าเคยเข้ามาในชุมชนประมาณ 2 ครั้ง มีเคยมาร่วมงานวันเกิดนายเบ้นซ์ครั้งหนึ่ง และล่าสุดก็คือวันที่ 26 ก.พ. ก่อนที่นายเบ้นซ์จะหายตัวไร้ร่องรอย

ผญบ.เก่า เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ก่อนที่นายจะตี๋จะหาตัวไป นายสิทธิ์ได้เข้ามาหาที่บ้านและร่วมดื่มเหล้าด้วยกันกับนายเบ้นซ์ผู้ตาย จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. นายสิทธิ์ได้ชักชวนนายจะตี๋ให้ไปข้างนอก และหายตัวไปตั้งแต่วันนั้น จนวันที่ 27 ก.พ. เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ได้มาตามหานายจะตี๋ที่บ้าน โดยบอกว่านายจะตี๋ไม่ได้ไปทำงาน ไม่มีคนฆ่าหมู จึงไม่มีหมูขาย เมียนายจะตี๋จึงมาแจ้งกับตน ก็เลยช่วยกันตามหาตั้งแต่นั้น โดยได้ข้อมูลมาว่าในวันที่ 27 ก.พ. มีคนเห็นนายจะตี๋และนายสิทธิ์ขับขี่รถเข้าไปที่สวนลำไยพื้นที่บ้านสันขี้เบ้าด้วยกัน แต่ตนไม่ทราบว่าเข้าไปกี่โมง เท่าที่ทราบทั้งคู่เคยไปที่สวนลำไยด้วยกันหลายครั้ง วันที่ 28 ก.พ. ตนได้พาเมียนายเบ้นซ์ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พาน เพื่อขอความช่วยเหลือตามตัวคนหาย

 

ต่อมาวันที่ 1 มี.ค. ตนได้ข้อมูลมาว่ามีคนเห็นนายสิทธิ์เข้าไปที่สวนองุ่นพื้นที่บ้านสันมะเค็ด ม.1 ต.สันมะเค็ด อ.พาน เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เพราะมีเพื่อนชาวลาวอยู่ที่นั่น 2 คน ตนจึงเดินทางไปที่สวนองุ่นดังกล่าว โดยมีพี่เลี้ยงเด็กของนายจะตี๋ คนขับรถ และมีอดีตนายก ทต.สันมะเค็ด ช่วยนำทางเข้าไปที่สวนองุ่น เมื่อไปถึงก็ได้พบกับเพื่อนทั้ง 2 คนของนายสิทธิ์ แต่ไม่พบตัวนายสิทธิ์แล้ว โดยทั้งคู่เล่าว่า นายสิทธิ์ได้เข้ามาหาพวกตนเมื่อวันที่ 28 ก.พ. เวลาก่อนเที่ยง โดยเดินทางมาคนเดียว นำรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ 125i ทะเบียน 1กล 6440 เชียงราย มาให้ช่วยล้าง และบอกว่ารถดังกล่าวได้ซื้อต่อมาในราคา 40,000 บาท ตอนที่ล้างเพื่อนนายสิทธิ์ได้เปิดใต้เบาะก็พบปืนพกสั้น 1 กระบอก โดยนายสิทธิ์บอกว่าได้ซื้อต่อมาเช่นเดียวกัน ทั้งหมดยังได้ร่วมทานข้าวเที่ยงด้วยกันอีกด้วย และทราบภายหลังว่าในวันที่ 28 ก.พ. นายสิทธิ์ได้นำเอาปืนไปคืนให้กับตำรวจ หลังจากขโมยไปจากเจ้าของตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.

“ในวันที่ 3 มี.ค. ตำรวจได้เรียกสอบปากคำนายสิทธิ์ เพราะถูกพบอยู่กับนายจะตี๋เป็นคนสุดท้าย แต่ตำรวจไม่พบพิรุธและไม่มีหลักฐานเอาผิดจึงปล่อยตัวกลับไป จนกระทั่งวันที่ 4 มี.ค. มีการพบศพนายจะตี๋ แต่นายสิทธิ์ได้หายออกจากพื้นที่ไปแล้ว คาดว่าคนร้ายน่าจะลงมือช่วงระหว่างวันที่ 27-28 ก.พ.” ผญบ.เก่ากล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น