ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวินภาคประชาชน เผย ชาวกระเหรี่ยงจ่อทะลักเข้าไทยแน่ หากพม่าไม่หยุดยิง

เมื่อวันที่ 2 เม.ย.2564 นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวินภาคประชาชน เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 31 มี.ค.64 เวลา 03.30 น. กองทัพพม่าใช้เครื่องบินโจมตีบ้านแมเว (ภาษากะเหรี่ยง) หรือแม่เวย จ.ผาปูน รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้าม บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน โดยจุดที่ถูกโจมตี เป็นเหมืองขุดทอง ทำให้มีผู้เสียชีวิต กว่า 30 ราย

 

เรื่องนี้ นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวินภาคประชาชน เปิดเผยว่า จากที่ได้รับการประสานจากพี่น้องชนเผ่ากระเหรี่ยงที่อยู่ฝั่งเมียนมาที่หลบภัยการเมืองและสงคราม และที่ถูกยิงจนบาดเจ็บจำนวนมาก จนกระทั้งมาขอรับการรักษาที่ชานแดนไทยขึ้นฝั่งที่บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2564 ที่ผ่านมาดังกล่าว เกิดเหตุถูกยิงที่บ้านดิปูนุ (ทางเหนือ) จ.ผาปูน กองบัญชาการของ KNU กองพล 5 ฝั่งเมียนมานั้น เบื้องต้นทราบว่ามีพี่น้องชนเผ่ากระเหรี่ยงที่มีอยู่ตลิ่มแม่น้ำสาละวินในเขตของชายแดนเมียนมา มีจำนวนกว่า 50 คน ตนก็ให้สำรวจตัวเลขที่แน่นอนว่า มีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อจะได้ตัวเลขที่ชัดเจนตรงกันเพื่อจะได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยงข้องในการช่วยเหลือต่อไป

 

 

“เราอยู่พื้นที่ก็จริง แต่ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไรได้มาก เพราะเป็นการตัดสินใจของผู้หลักผู้ใหญ่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การที่รัฐบาลไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ออกประกาศมาเพื่อจะเปิดจุดผ่อนปรนตามแนวชายแดนไทยหลายจุดปรนในวันที่ 1 เม.ย.2564 นี้ที่ประกาศเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2564 แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลง คือ หยุดเปิดจุดผ่อนปรน และทางผู้นำท้องถิ่นและผู้นำชุมชนผู้ใหญ่บ้านและกำนันต้องมาประกาศเสียงตามสายให้ประชาชนได้ทราบถึงการหยุดเปิดจุดผ่อนปรนดังกล่าว”

 

“ที่น่าห่วงคือ เมื่อคืนวันที่ 31 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา รัฐบาลพม่าได้โจมตีหมู่บ้าน บ้านแม่เวย(ตอนใต้)ของบ้าน เดปูนุ อยู่ จ.ผาปูน ทั้งหมด ในรัฐกระเหรี่ยง มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หมู่บ้านอยู่ลึกเข้าไปในพม่า ทางไปบ้านผาปูน จะผ่านบ้านบ้านบาร์เดอ แต่อยู่ห่างจากน้ำสาละวินไปไกลอยู่มาก”

ทุกครั้งที่ได้รับการประสานก็จะขึ้นอยู่ด้วยว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างไรบ้าง เช่นประสานทางผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วย ผญบ.แต่หากกองกำลัง KNU กองพล 5 ประสานมาก็จะประสานกองกำลังทหารไทยให้ได้ ซึ่งปกติการประสานทางการทหารของแนวชายแดนก็จะมีการประสานกันอยู่แล้วตนจะไม่ก้าวล่วง แต่อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ได้รับการประสานงานจากพี่น้องกระเหรี่ยงจากพม่ามาช่วงนี้ หากทหารพม่าใช้ความรุนแรงอยู่ต่อเนื่องต่อไป เชื่อแน่ว่าประชาชนชาวกระเหรี่ยงที่อยู่ในเมืองก็จะหนีออกมาชายแดน และทะลักเข้าไทยแน่นอนทุกช่องทาง เพราะจากเห็นการณ์เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ก็เห็นแล้วว่า ประชาชนที่อยู่ชายแดนก็หนีเข้ามาประเทศไทยแล้ว นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวินภาคประชาชน.

ร่วมแสดงความคิดเห็น