จับนายพรานไฮเทค เข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่ตามแนวชายแดนบ้านอรุโณทัย อำเภอเชียงดาว ได้ผู้ต้องหา 1 รายหลบหนีไปได้ 2 ราย พบของของกลาง ซากสัตว์ป่าจำนวนมาก

จับนายพรานไฮเทคใช้วิทยุสื่อสารดักฟังการทำงานของเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่ตามแนวชายแดนบ้านอรุโณทัย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ได้ผู้ต้องหา 1 รายหลบหนีไปได้ 2 ราย พบของของกลาง ซากสัตว์ป่าจำนวนมาก อาวุธปืนลูกซองแบบหัก 2 กระบอก และวิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแดง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารกองร้อยทหารม้าที่ 2 กรมทหารม้าที่ 5 กองกำลังผาเมือง นำโดย ร.อ.พัชรพันธุ์ พงศ์พันธ์งาม แจ้งว่าได้ออกตรวจลาดตระเวนบริเวณชายแดนบ้านอรุโณทัย พบคนลักลอบเข้าป่าไปเพื่อล่าสัตว์ จำนวน 3 คน รถจักรยานยนต์ 3 คัน หลบหนีไปได้ 2 คน สามารถควบคุมตัวไว้ได้ 1 คนพร้อมรถจักรยานยนต์ 1 คัน จึงขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ นายประกาศิต ระวิวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดงพร้อมเจ้าหน้าที่จึงเดินทางเข้าไปตรวจสอบ

เมื่อเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการบ้านอรุโณทัย ได้พบชาย 1 คน สอบถามทราบชื่อภายหลัง ชื่อนายวสันต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ชาวบ้านหนองเขียว หมู่ที่ 12 ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังเชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลาง ซากเก้งย่าง 1 ถุง น้ำหนัก 2.6 กิโลกรัม ซากอีเห็นย่าง 1 ถุง น้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม และซากไก่ฟ้าหลังขาว 1 ตัว น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด ได้แก่ อาวุธปืนลูกซองแบบหักลำ 2 กระบอก, มีดพก 1 เล่ม, วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง, ไฟฉายแบบคาดหัว 4 อัน, ไฟฉายแบบมือถือ 1 อัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า เขา และเพื่อนอีก 2 คนที่หลบหนีไปได้เดินเข้าป่าภายในอุทยานแห่งชาติผาแดงเพื่อล่าสัตว์ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 64 ซึ่งเมื่อล่าสัตว์เสร็จแล้วบางส่วนก็จะชำแหละใส่ถุงไว้ เมื่อได้จำนวนมากแล้วก็จะนำมารวมกัน โดยทำแบบนี้มานานแล้วเมื่อได้สัตว์ป่าแล้วก็จะนำไปขายให้กับนายทุนที่รับซื้อและนำไปจำหน่ายต่อ แล้วนำเงินมาใช้จ่ายซึ่งทุกครั้งที่เข้าป่าไปในก็จะมีการพกวิทยุสื่อสารทุกครั้งเพื่อใช้สื่อสารกันในป่าและดักฟังการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ๆลาดตระเวนเพื่อจะรู้ความเคลื่อนไหว กระทั่งมาถูกจับกุมได้ครั้งนี้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหา ล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ และนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไป โดยมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนจะควบตุมตัวนายนายวสันต์ เรืองคำ ผู้ต้องหารพร้อมของกลาง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป และขยายผลหาเครือข่ายที่ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีซึ่งขณะนี้ทาง เจ้าหน้าที่ทราบแล้วผู้ต้องหาที่หลบหนีไปเป็นใคร


กรรณิกา วชิรโสภาพรรณ

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น