ตลาดลิ้นจี่เข้าเป้า ชาวสวนเหนือร่วมพัฒนาระบบผลิต ลุยตลาดส่งออก

ส่วนประชาสัมพันธ์ ศูนย์ประเมินผล และ ศูนย์สารสนเทศการเกษตร รายงานว่าตามที่นางอัญชนา ตราโช
รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุถึงยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย ปี 2558 –2564 ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการนั้น จากการที่ สศก.ประเมินผล กรณี ลิ้นจี่ พบว่า พื้นที่ปลูกลิ้นจี่ ที่สำคัญของไทยอยู่ในภาคเหนือตอนบน 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ น่าน เชียงราย และ พะเยา พันธุ์ที่นิยมปลูกคือ พันธุ์ฮงฮวย และจักรพรรดิ

สถานการณ์การผลิตของลิ้นจี่ในปี 2558 กับปี 2563 พบว่า มีจำนวนเกษตรกรผู้ผลิตลิ้นจี่ลดลง โดยปี 2558 มีที่ปลูกลิ้นจี่ 25,358 ครัวเรือน และในปีที่ผ่านมานั้น ลดลงเหลือ 18,468 ครัวเรือน เนื้อที่ให้ผลผลิตจาก 119,194 ไร่ เหลือ 106,342 ไร่ ปริมาณผลผลิต 52,142 ตัน ลดลงเหลือ 33,996 ตัน

“เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น สภาพอากาศแปรปรวน ผลผลิตออกน้อย เกษตรกรมีการโค่นต้นลิ้นจี่และ
เปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น มะม่วง ลำไย สับปะรดภูแล และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ขณะที่ราคาที่เกษตรกรขายได้ (ลิ้นจี่พันธุ์ฮงฮวยเกรด เอ) ปรับตัวสูงขึ้นจาก 15.77 บาท/กก. ในปี 2558 เพิ่มเป็น 22.78 บาท/กก. ในปี 2563 เนื่องจากตลาดต้องการเพิ่มขึ้น สำหรับปีนี้ข้อมูลล่าสุด แหล่งผลิต 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีเนื้อที่ให้ผล 84,931 ไร่ (คิดเป็นร้อยละ 80 จากเนื้อที่ให้ผลทั้งประเทศ 98,423 ไร่) มีผลผลิต 30,716 ตัน (คิดเป็นร้อยละ 83 ของผลผลิต ทั้งประเทศ 37,113 ตัน) ออกสู่ตลาดมาก ในช่วง พ.ค.-มิ.ย.โดยราคา ณ เดือน พ.ค.เฉลี่ยอยู่ที่ 30.67 บาท/กก.

ผลสำรวจข้อมูลเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ใน 4 จังหวัดดังกล่าว พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ส่วนใหญ่มีความชำนาญ
และมีประสบการณ์ในการเพาะปลูก มีการพัฒนาการผลิต และคุณภาพตลอดจนการได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ลิ้นจี่ที่ผลิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 70 บริโภคภายในประเทศ ที่เหลือร้อยละ 30 ส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บาห์เรน กาตาร์ และฝรั่งเศส โดยเกษตรกรและผู้รับซื้อ (ล้ง) มีการปรับเปลี่ยนช่องทางในการจำหน่ายผลผลิต โดยขยายตลาดไปยังโมเดิร์นเทรด อาทิ ส่งห้างสรรพสินค้า (เดอะมอลล์) ร้านเลมอนฟาร์ม ตลาดสดองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ตลาดไท และตลาดในท้องถิ่น เช่น พ่อค้า/แม่ค้า หน่วยงานราชการ เป็นต้น

ทั้งนี้เกษตรกรยังไม่สามารถปลูกลิ้นจี่อินทรีย์เต็มรูปแบบได้ เนื่องจากปัญหาหนอนเจาะขั้วลิ้นจี่ จึงยังจำเป็น ต้องใช้สารเคมีเพื่อกำจัดศัตรูพืช นอกจากนี้ เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ยังประสบปัญหาหลายประการ เช่น สภาพภูมิอากาศแปรปรวน อากาศหนาวสลับฝนตก หรือบางพื้นที่แห้งแล้งมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูก และการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ประกอบกับอัตราค่าจ้างแรงงานที่ค่อนข้างสูงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ช่วงที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาในการกระจายสินค้า เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 เกษตรกรจึงปรับตัว หันมาจำหน่ายผลผลิตผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพิ่มเติม โดยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี แต่เกษตรกรยังคงประสบปัญหาในเรื่องของบรรจุภัณฑ์และการรักษาความสดของผลลิ้นจี่ให้ได้นานเกิน 3 วัน เนื่องจากไม่มีรถขนส่งแบบห้องเย็น ทำให้ไม่สามารถส่งไปยังจังหวัดที่อยู่ไกลพื้นที่แหล่งผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จังหวัดทางภาคใต้ตอนล่าง เป็นต้น

ดังนั้น ควรมีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต คิดค้นพันธุ์ลิ้นจี่ที่มี ความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการเก็บเกี่ยว การห่อผลผลิต รวมถึงการสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ การลดระยะเวลาในการขนส่ง และรถขนส่งแบบห้องเย็นที่จะทำให้ผลผลิตคงความสดใหม่ได้นานขึ้น ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ได้ดีขึ้น

ด้านกลุ่มเกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ เชียงใหม่ กล่าวว่า ฤดูกาลลิ้นจี่ปีนี้ มีการเปิดขายผ่านช่องทางสื่อสังคม ควบคู่ไปกับการขนส่ง บรรทุกไปยังแหล่งคู่ค้า ตามต่างจังหวัด ซึ่งสถานการณ์ช่วงโควิด-19 ระบาดนั้นมีหน่วยงานราชการ เข้ามาส่งเสริม แนะนำความรู้ เพื่อแก้ไขอุปสรรคปัญหาด้านการตลาด ช่วยให้ผลผลิต มีช่องทางจำหน่าย และราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม แนวทางพัฒนาระบบผลิต เพื่อเน้นคุณภาพสู่ตลาด ส่งออก ยังเป็นอีกแนวทางที่ชาวสวนลิ้นจี่ส่วนใหญ่ เล็งเห็นความสำคัญ เนื่องจากตลาดส่งออก จะส่งผลต่อ รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการรวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชน จะช่วยสร้างเสริมศักยภาพกระบวนการผลิต เพื่อการส่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพืชไร่พืชสวนอื่นๆไม่ว่าจะเป็น ลำไย ,กล้วยหอม,พืชผลอื่นๆ ตามแหล่งปลูกต่างๆ ในแต่ละอำเภอของเชียงใหม่ได้ด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น