ศาลแขวงเชียงรายสั่งปรับเงิน 5,000 บาท จากหนึ่งใน 4 สาวที่เดินทางมาจากพื้นที่สีแดง ไม่กักตัว

วันที่ 6 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสื่อโซเซียลหลายสำนักรายงานข่าว การจับกุม 4 สาว ประกอบด้วย น.ส.พิมพา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี จ.ชลบุรี น.ส.สุจิตรา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ชาว จ.นครราชสีมา น.ส.มาลี (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี จ.เชียงราย และ น.ส.เวนิพา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี จ.เชียงราย ที่เดินทางมาจากพื้นที่สีแดงเข้มคือ กรุงเทพฯ และเข้ามาในจังหวัดเชียงราย โดยไม่มีการกักตัว และพบพฤติกรรมว่าจ้างคนขับรถคือนายกันตชาติ (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ชาว จ.เชียงราย ให้พาตระเวณเที่ยว อ.แม่สาย และ อ.แม่ฟ้าหลวง ก่อนวางแผนจะข้ามไปทำงานที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา แต่มาถูกฝ่ายปกครองและทหารในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จับกุมตัวได้เสียก่อน เมื่อค่ำคืนวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ฟ้าหลวง ได้ส่งฟ้อง น.ส.พิมพา (สงวนนามสกุล) ในข้อหา “ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย” ที่ 40/2564 ลงวันที่ 19 พ.ค. 64 ที่ระบุว่าผู้มาจากพื้นที่จังหวัด กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ ต้องมีหนังสือรับรองการตรวจเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ซึ่งถ้าไม่มีทั้ง 2 อย่าง จะต้องกักตัวในสถานที่รัฐจัดหาให้ (Local Quarantine) เป็นเวลา 14 วัน ซึ่ง น.ส.พิมพา ไม่มีเอกสารไดๆ มาแสดง ส่วนคนอื่นๆ มีเอกผ่านการตรวจเชื้อโควิดมาแสดงกับเจ้าหน้าที่

แต่ผลการตัดสินจากศาลแขวงจังหวัดเชียงราย ที่สั่งปรับเงินผู้ต้องหาเป็นจำนวน 5,000 บาท ทำให้หลายคนที่มาอ่านข่าวมาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ว่าเงินค่าปรับน้อยเกินไป บางคนก็บอกว่าควรปรับเงิน 20,000 บาท บางคนก็เสนอว่าควรจะปรับสัก 50,000 บาทบ้าง 200,000 บาทบ้าง ซึ่งมีบางรายที่บอกว่าควรจะปรับสูงถึง 500,000 บาทก็มี เพื่อที่ผู้ฝ่าฝืนจะได้เข็ดหลาบ จะได้ไม่มีคนเอาเยี่ยงอย่างในอนาคต

จ.เชียงราย เคยประสบปัญหาการลักลอบข้ามชายแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน จนเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชืัอโควิด-19 ในระลอกที่สอง ส่งผลให้ผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไปต้องประสบปัญหาอย่างหนัก หลายธุรกิจต้องปิดตัว คนตกงาน จำนวนมาก จึงไม่อยากให้เกิดกรณีเดียวกันนี้ขึ้นอีกครั้ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น