ศึก ยูโร 2020 คู่แรกวันที่ 14 มิ.ย. โปแลนด์ เจอ สโลวาเกีย เริ่มเกมทั้งสองทีมสู้กันสนุกสูสี จนนาที 18 โรเบิร์ต มัก รับบอลมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย แล้วใช้ความสามารถเฉพาะตัวแหวกผู้เล่น โปแลนด์ สองคนเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจกดไปที่เสาแรก บอลชนเสา กระเด้งไปโดน วอยเช็ก เชสนี ที่พุ่งมาเซฟ เข้าประตูตัวเอง ส่งให้ สโลวะเกีย ขึ้นนำ 1-0จบครึ่งแรก สโลวาเกีย ออกนำ โปแลนด์ 1-0
ครึ่งหลังเริ่มได้ไม่ถึง 1 นาที โปแลนด์ มาได้ประตูตีเสมอ อย่างเร็ว จากจังหวะที่ มาเตอุส คลิก แทงบอลทะลุไปให้ มาเช รีบุส หลุดไปสุดเส้นหลัง ก่อนตบกลับเข้ากลางให้ คาโรล ลิเน็ตตี แปเล่นทางจังหวะเดียว เข้าไปให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1 หลังสกอร์กลับมาเท่ากัน โปแลนด์เหมือนได้ใจ เปิดเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง แต่นาที 63 รูปเกมของโปแลนด์ ที่กำลังดีขึ้นกลับต้องมาเสียเปรียบ เมื่อ เกอร์เซกอร์ซ ครีโคเวียก ไปเข้าหนักใส่ ยาคุบ ฮโรมาดา ทำให้โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังจากในครึ่งแรก ครีโคเวียก ได้รับใบเหลืองมาแล้วจากจังหวะไปตัดเกมสวนกลับของ สโลวะเกีย ซึ่งใบแดงนี้เป็นใบแดงแรก ที่เกิดขึ้นในยูโร 2020 ทำให้ในช่วง 27 นาทีที่เหลือ โปแลนด์ ต้องเหลือ 10 คน
เมื่อได้เปรียบตัวผู้เล่นที่มากกว่า สโลวะเกีย โหมเกมบุกใส่ โปแลนด์ ทันที นาที 69 สโลวะเกีย ได้ลูกเตะมุมฝั่งขวา โรเบิร์ต มัก เปิดไปกลางประตู ให้ มิลาน สคริเนียร์ จับบอลลงหนึ่งจังหวะ ก่อนตะบันด้วยขวา เสียบมุมให้ สโลวะเกีย ออกนำอีกครั้ง 2-1ช่วงเวลาที่เหลือ โปแลนด์ พยายามเปิดเกมสู้ แม้เหลือเพียงแค่ 10 คน และสามารถสร้างโอกาสจบสกอร์ ได้น่าหวาดเสียวหลายครั้ง แต่สุดท้ายไม่เด็ดขาดพอ จบ 90 นาที สโลวะเกีย เฉือนชนะ โปแลนด์ 2-1 เก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ
ศึกยูโร 2020 รอบแรก กลุ่ม D ที่สนามแฮมป์เดน ปาร์ก ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทีมชาติสกอตแลนด์ เปิดบ้านดวลเกือก สาธารณรัฐเช็ก เริ่มเกมเจ้าถิ่นเปิดฉากลุยแหลกทันที แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอทำเจาะแนวรับทีมเยือนเข้าไปพังประตูไม่ได้ทำให้ทั้ง 2 ทีมเสมอกันอยู่ 0-0 หลังจบครึ่งแรก
ครึ่งหลัง ขุนพลตาร์ตัน ยังโหมหนัก แต่กลับเป็น เช็ก ที่ได้ประตูออกนำก่อน 1-0 จากการโหม่งของ พาทริก ชิค ดาวยิงตัวเก่ง ในนาทีที่ 42 จากนั้นนาทีที่ 52 ชิค ก็แผลงฤทธิ์อีกครั้งด้วยการยิงลักไก่จากกลางสนามส่งให้ ทีมเครื่องแก้วเจียระไน หนีไปเป็น 2-0 หลังเสีย 2 ประตู สกอตแลนด์ ก็เปิดเกมรุกเต็มตัว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่หวาดเสียวเท่านั้น จบเกม เช็ก อัด สกอตแลนด์ 2-0 ประเดิมสนามด้วยการคว้า 3 คะแนนเต็มได้สำเร็จ พร้อมขยับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงกลุ่ม D ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า อังกฤษ ที่มี 3 คะแนนเท่ากัน
เริ่มเกมสเปนเป็นฝ่ายครองบอลบุกแทบจะฝั่งเดียว นาที 16 กระทิงดุ เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ โกเก เปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ ดานี โอลโม โฉบไปโหม่ง เต็มหัว แต่ โรบิน โอลเซน ยังโชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้
นาที 29 สเปนพลาดโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ ดานี โอลโม ได้รับบอลทางฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายยัดเข้าไปในกรอบให้ โกเก วิ่งเข้าไปแปเน้นๆ แต่บอลเหินข้ามคานไปอย่างได้ลุ้น สเปน พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเหลือเชื่อ นาที 38 จอร์ดี อัลบา ตักบอลให้ อัลบาโร โมราต้า หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ ผู้รักษาประตูสวีเดน แต่จังหวะสุดท้าย โมราต้า ดันยิงหลุดกรอบไปเอง
ขณะที่สวีเดน ที่อาศัยการตั้งรับลึก และรอสวนกลับ ก็มีโอกาสเกือบเซอร์ไพรส์ได้ประตูขึ้นนำเช่นกัน จากจังหวะที่ อเล็กซานเดอร์ อิซัก ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพาบอลเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ บอลผ่าน อูไน ซิมอน ไปแล้ว แต่ มาร์กอส ยอเรนเต ยังวิ่งมาช่วยสกัดออกไปได้ ทำให้ จบ 45 นาทีแรก สเปน ยังเสมอกับ สวีเดน 0-0
ครึ่งหลัง สเปน ยังเป็นฝ่ายขึงเกมรุก หาทางเจาะพังประตูสวีเดน แต่สวีเดนยังช่วยเกมรับกันได้ดี พร้อมกับหาโอกาสสวนกลับขึ้นมาเป็นระยะ นาที 61 เอมิล ฟอร์สเบิร์ก พาบอลสวนกลับขึ้นมา แล้วส่งให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัก หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะยึกยักหลอกแล้วปาดไปให้ ให้ มาร์คุส เบิร์ก แปโล่งๆที่เสาสอง แต่บอลปลิ้นออกหลังไปอย่างเหลือเชื่อช่วงเวลาที่เหลือ สเปน ยังครองบอลบุกอยู่แทบจะฝ่ายเดียว แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆเกินๆ และไม่มีความแน่นอน สุดท้าย จบ 90 นาที สเปน เสมอ สวีเดน 0-0 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม
ร่วมแสดงความคิดเห็น