วันที่ 20 ก.ค.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้เสียหายหลายราย เข้าร้องเรียนสื่อมวลชน จากการถูกเจ้าของอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งใน ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ ยักยอกทรัพย์และฉ้อโกง พฤติกรรมหลายรูปแบบ ทั้ง ถอดอะไหล่รถลูกค้าไปขาย นำรถลูกค้าที่นำไปซ่อมไปขาย รวมทั้งยังหลอกลวงขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊ก แต่ลูกค้าโอนเงินกลับไม่ได้สินค้า มีผู้เสียหายหลายสิบคนเข้าแจ้งความในหลายท้องที่
ขณะที่ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ทราบมาว่า ช่วงเย็นวานนี้ (19 ก.ค.64) หลังมีกระแสข่าวเผยแพร่ออกไปแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นำหมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ที่ จ 311/2564 เข้าจับกุมนายธีรพงษ์ อายุ 26 ปี เจ้าของอู่รายนี้ ในข้อหายักยอกทรัพย์ ได้ที่หน้าอู่ซ่อมรถ หมู่ 5 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
โดยทางด้าน พ.ต.อ.นฤบาล จิตทยานันท์ ผกก.สภ.แม่ปิง เปิดเผยว่า ในท้องที่ สภ.แม่ปิง มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ 3 คดี คดีแรกผู้เสียหายถูกถอดอะไหล่รถที่นำไปจอดซ่อมนำไปขาย พนักงานสอบสวนออกหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ และได้จับกุมไปก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนก่อน หลังจับกุมนายธีรพงษ์ประกันตัวชั้นศาลต่อสู่คดี
ส่วนคดีที่ 2 มีพฤติการณ์เหมือนกัน พนักงานสอบสวนขออนุมัติศาลออกหมายจับจากศาลแขวงเชียงใหม่ ในข้อหายักยอกทรัพย์ ล่าสุดชุดสืบสวนนำหมายจับเข้าจับกุมได้ช่วงเย็นวานนี้
และคดีที่ 3 เป็นกรณีหลอกขายเครื่องปรับอากาศมือสอง ให้ผู้เสียหายราคา 12,000 บาท ผู้เสียหายโอนมัดจำไป 4,000 บาท แต่สุดท้ายไม่มีสินค้าให้ตามที่บอกไว้และไม่คืนเงินมัดจำ ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี คดีนี้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกไปแล้ว 1 ครั้ง แต่ยังไม่ยอมเข้าพบ หลังจากจับกุมได้พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงพร้อมกับคดีที่ 2 ที่จับกุมได้
พ.ต.อ.นฤบาล บอกว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมลักษณะนี้ ก่อเหตุซ้ำซาก มีผู้เสียหายหลายรายในหลายท้องที่ ที่ผ่านมาผู้ต้องหาไม่ได้หลบหนีไปไหน เมื่อถูกจับแจ้งข้อหาจะใช้วิธีประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นศาล บางคดีใช้วิธีไกล่เกลี่ยขอชดใช้ค่าเสียหาย แต่ก็จ่ายบางส่วนและมีหลายคนไม่ได้เงินคืน ส่วนคดีที่จับกุมได้จะไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายหลายราย โดยจะนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงเชียงใหม่ในวันนี้ ส่วนจะได้ประกันตัวในชั้นศาลหรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจของศาล นอกจากนี้ สภ.แม่ปิง ยังแจ้งไปยังสถานีตำรวจที่มีผู้เสียหายแจ้งความ เพื่อให้อายัดตัวดำเนินคดีที่ถูกแจ้งความไว้ต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น