(มีคลิป) เปิดใจหนุ่มกู้ภัย โพสต์โซเชียลถูกหนุ่มใหญ่อ้างตัวเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ชนแล้วหนี หลังขับรถติดตาม แถมไม่ยอมเป่าวัดแอลกอฮอล์

ภาพคลิปวิโดกล้องหน้ารถของเจ้าหน้าที่กู้ภัย เทศบาลตำบลเจดีย์แม่ครัว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเกิดเหตุจากการติดตามบุคคลเมาแล่วขับรถเกิดอุบัติเหตุ แต่ทางเจ้าตัวขับรถหลบหนีจนต้องติดตามตัว เหตุเกิดที่บริเวณด้านหน้าโรงแรมอนันตราเชียงใหม่ และระหว่างการลงเจรจากันนั้นทางคู่กรณีกลับไม่ยินยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเฉี่จวชนรถของทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย อีกทั้งระหว่างนั้นทางเจ้าของคลิปซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังได้มีการบันทึกเหตุการณ์ระหว่างเจรจากับคู่กรณี แต่กลับพบว่าคู่กรณีนั้นมีสภาพมึนเมา แถมพูดจาเสียงดัง และอ้างตัวว่าเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 และไม่ยินยอมที่จะลงมาจากรถ อีกทั้งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินการตรวจสอบที่เกิดเหตุขอให้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายกลับปฏิเสธไม่ยินยอมให้เป่า จนกระทั่งต่อมา ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนดังกล่าวได้นำคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาโพสต์ลงโซเชียล กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เป็นอย่างมาก

 

ขณะที่ในเวลาต่อมา ทางผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางเจ้าของคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ทราบชื่อคือ นายไพโรจน์ พรหมธารา อายุ 32 ปี เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยของเทศบาลตำบลเจดีย์แม่ครัว ซึ่งในวันเกิดเหตุได้ขับรถยนต์เก๋งซูซูกิสวิฟสีขาวทะเบียน งว 2905 เชียงใหม่ ส่วนคู่กรณีที่อ้างตัวว่าเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ตามที่ปรากฏในคลิปนั้น ทรายชื่อคือ นายชาญศักดิ์ สมประโยชน์ อายุ 59 ปี ขับรถยนต์อีซูซุมิวเอ็กซ์สีเทาหมายเลขทะเบียน 9 กค 2596 กทม. และได้เฉี่ยวชนกับรถของ นายไพโรจน์ เจ้าของคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ได้รับความเสียหาย แต่จนขณะนี้ยังไม่ได้รับการออกมาแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด

ทั้งนี้ทางด้าน นายไพโรจน์ เจ้าของคลิปวิดีโอ เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.40 น. โดยในวันนั้น ทางสามคมกู้ภัยของตนได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดบูรณาการ ช่วยเหลือประชาชน ช่วง 7 วันอันตราย ต่อมาได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถยนต์ชนกับรถ ตุ๊ก ตุ๊ก จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยบริเวณแยกแสงตะวัน ตนกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเมื่อมาถึงก็ได้เรียกทางคนขับรถ ตุ๊ก ตุ๊ก และคู่กรณีมาสอบถามข้อมูล แต่ทางคนขับรถกระบะไม่ยินยอมลงมาจากรถ และไม่พูดจาอะไร ตนจึงได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำรถของสมาคมไปจอดปิดด้านหลังรถ ตุ๊ก ตุ๊ก เพราะเกรงจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำ แต่ขณะนั้นทางด้านคนขับรถยนต์กระบะก็ได้ขับหลบหนี ตนจึงได้ขับรถยนต์ส่วนตัวของตนติดตามชายคนดังกล่าว

ต่อมาในระหว่างขับรถติดตามชายคนขับนั้น ทางคู่กรณีก็พยายามขับเบียดเพื่อไม่ให้ตนขึ้นแซง จนกระทั่งขับมาได้ประมาณ 300 เมตร รถของคู่กรณีก็ได้เบียดมาชนกับรถของตนจนกระทั่งหักขึ้นฟุตบาท ตนจึงตัดสินใจเบียดเพื่อให้รถคู่กรณีหยุด และเมื่อรถของคู่กรณีหยุดตนก็ได้ลงมาพูดคุยกับคู่กรณีแต่ทางเจ้าตัวอ้างตัวเองว่าเป็น รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 และไม่ยินยอมเจรจากับตน บอกเพียงว่าให้ไปเคลียร์กันที่โรงพัก แต่โดยจากสภาพตอนนั้นที่ตนเห็นชายคู่กรณีมีสภาพอาการมึนเมาแน่นอน อีกทั้งเมื่อทางเจ้าหน้าทีาตำรวจเข้ามาตรวจสอบได้มีการขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายทั้งตนและคู่กรณี โดยทางตนได้ยินยอมให้ตรวจวัด ซึ่งในส่วนของตนนั้นไม่พบค่าแอลกอฮอล์แต่อย่างใด แต่ทางชายคู่กรณี เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจวัดแอลกอฮอล์โดยให้เป่าเครื่องวัด เจ้าตัวกลับปฏิเสธไม่ยินยอมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ และอ้างอีกว่า ”ตัวเองเป็นผู้ถือกฎหมาย จะทำอะไรก็ได้” ทำให้ในวันเกิดเหตุทางคู่กรณีก็ไม่ได้เป่าวัดแอลกอฮอล์ และมีเพียงตนที่ได้ทำการเป่าวัดแอลกอฮอล์เพียงคนเดียว

ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการระบุข้อมูลลงในบันทึกประจำวันว่า ทางคู่กรณีไม่ยินยอมให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ ส่วนกรณีที่ชนรถของตนนั้นทางคู่กรณีก็ยังบอกว่า จะไม่ยอมรับผิดชอบ ทำให้ตนรู้สึกว่าสิ่งที่คู่กรณีทำนั้นไม่ถูกต้อง และยิ่งรู้ว่าคู่กรณีเป็นผู้มีอำนาจ และเป็นผู้รู้กฎหมายก็ไม่น่าจะทำเช่นนี้ ซึ่งตนอยากฝากถึงคู่กรณีด้วยว่า อยากให้กล้าออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และอยากให้ออกมารับผิดชอบซ่อมแซมรถของตนเองเพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การที่ตนนำเรื่องราวนี้มาโพสต์ในโซเชียลก็เพื่อขอความเป็นธรรมเพราะ ถ้าหากคู่กรณีตนนั้นเป็นคนใหญ่คนโตจริงหวั่นเรื่องจะเงียบ และตนต้องการถามย้อนไปยังผู้รักษากฏหมายถ้าหากท่านเป็นจริงทำไมไม่รักษากฏหมายให้เป็นตัวอย่างกลับประชาชน ซึ่งล่าสุดในวันนี้เวลา 13.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมือง จะนัดทั้งสองฝ่ายเข้าไปพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ ที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายกล่าวอ้างเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น